หากใครติดตามความเปลี่ยนแปลงของวงการศึกษาไทยคงทราบดีว่าได้มีการปฏิรูปมา(การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น)โดยตลอดแต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอดเช่นกัน สาเหตุใหญ่มีอยู่ 3 ประการ ประการแรกเกิดจากเล็งผลประส่วนตัวจากการปฏิรูป ประการที่สองเกิดจากความไม่มีสระของผู้ปฏิบัติงานทางวิชาการที่ต้องถูกควบคุมกำหนดแนวทางโดยนักคิดผู้มีจินตนาการในห้องกระจกที่ไม่ได้ปฏิบัติจริงที่คอยสั่งให้ทำโน่นทำนี่จนคนที่มีหน้าที่ปฏิบัติไม่ได้ใช้ความคิดความสามารถของตนเองที่เกิดจากประสบการณ์จากการทำงานในสถานการณ์จริงมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานจึงเป็นการทำเพื่อสนองนโยบายของผู้มีอำนาจจนไม่มีเวลาคิดทำอะไรให้เกิดคุณภาพกับนักเรียน และประการที่สามเกิดจากการจัดระบบงานบุคคลไม่สอดคล้องกับภาระงานที่ต้องปฏิบัติคนไม่พอกับงาน ยิ่งในสภาพปัจจุบันรูปร่างในระบบบุคลากรของการทำงานเป็นแบบหัวโตก้นลีบ เพราะคนคิด คนตรวจสอบ คนออกคำสั่งบังคับบัญชามีมากกว่าคนปฏิบัติ โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กครูคนเดียวเป็นเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายทำงานจนไม่มีเวลาที่จะเอาใจใส่นักเรียน บางโรงมีครูไม่พอกับครูกับโครงสร้างงานซึ่งมีอยู่ 4 ฝ่ายแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปสร้างคุณภาพการเรียนรู้ให้กับนักเรียน แต่ก็ไม่มีใครให้ความสนใจที่จะหามาตรการในช่วยเหลือสนับสนุนแก้ไข มีมาตรการเดียวที่ถนัด คือการกำกับบังคับบัญชาว่าทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ ต้องทำให้ได้แต่ไม่รู้จะเอาคนที่ไหนไปทำ (ให้คิดเอาเอง) แบบนี้น่าจะเป็นการปฏิรูปหรือการปฏิวัติ |