http://www.sisaketedu1.go.th/ | หน้าแรก
       

ลองมาฟังความคิดเห็นของคนหลายอาชีพที่มีต่อครู
     
 

ความคิดเห็นที่ 1 +15
ยอมรับว่ามีครูที่ อาศัยความเป็นข้าราชการหาผลประโยชน์จริง ครับ และพวกอยู่นานสอนนานก็ไม่ยอมพัฒนาตนเองอ้างว่าจะเกียณอายุราชการ พวกครูมาบรรจุใหม่ก็ตั้งธงว่าได้บรรจุเป็นข้าราชการแล้วสบายแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ก็อย่าลืมว่ามี ครู ที่เป็นทั้งข้าราชการ ครูอัตราจ้าง ครูเอกชน ที่ตั้งใจและอุทิศด้วยจิตวิญญาณความเป็น"ครู"ที่แท้จริงอยู่เหมือนกัน แม้จะเป็นแสงอันริบหรี่ที่มีอยู่น้อยแต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้"ครู"ผู้ที่ยังมีอุดมการณ์จงอดทนเพื่อเยาวชนของประเทศไทยต่อไปครับด้วยคาราวะพระคุณครู
ความคิดเห็นที่ 13 +14
ผมเป็นครูคนหนึ่ง เห็นด้วยกับบทความข้างต้นเป็นบางส่วน แต่อยากจะบอกว่าการศึกษปฏิรูปมากี่ครั้งไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเพราะการคัดเลือกผู้บริหารที่เล่นพรรคเล่นพวก มองหาผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลสัมฤทธิ์ จึงทำให้การศึกษาวิกฤตถึงขั้นนี้ตราบใดที่เรายังมีผู้บริหารสถานศึกษาที่ด้อยคุณภาพมากกว่้าผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ ตั้งใจจริง มีจรรยาบรรณ เราจะไม่สามารถพัฒนาระบบการศึกษาได้เลย เราโทษกันแต่ครู แต่ลองคิดดูนะครับครูที่ไม่ดี ครูที่แย่ จะไม่มีบทบาทอะไรเลยหากผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลที่มีคุณภาพมากกว่านี้
อย่างระบบการประเมินคุณภาพภายนอก ผู้บริหารไม่ค่อยนำมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อนื่อง ส่วนใหญ่จะนำมาปฏิบัติเมื่อ สมศ. จะเข้ามาตรวจ และเอะอะโวยวายว่าเป็นไปไม่ได้ เกณฑ์สูงไป สารพัดจะอ้าง แต่ผลออกมาส่วนใหญ่จะผ่านการประเมิน เพราะอะไร ผักชีโรยหน้าเกือบทั้งนั้น ผลกระทบมาตกที่ครูเต็มๆ ช่วงก่อนการประเมินภาระครูทั้งนั้น แต่ก่อนที่จะเข้าตรวจประเมิน 3 ปี 4 ปี ท่านบริหารกันแบบตามใจท่าน ครูไม่ได้มีบทบาททางการบริหารเลย
ต้องขออภัยนะครับนี่เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะประสบการณ์การทำงานของผมมา 18 ปี มีโอกาสทำงานในหลายระดับภายในสถานศึกษา เห็นว่าฝ่ายบริหารที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบการศึกษาให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐ ไม่ว่าจะยุคไหน รัฐบาลไหน ห่วงหน้าตา ตำแหน่งมากกว่าการบริหารสถานศึกษาครับ
ความคิดเห็นที่ 22 +1
ผมเป็นคนหนึ่ง ที่ได้เข้ามาศึกษาวิธีคิดของครูไทย (ผมไม่ได้ทำงานเป็นครู) ผมพบว่า ครูไทย จริง ๆ แล้ว ด้วยหลักสูตรการสอน การฝึกอบรม ถือว่าน่าจะพัฒนาจริยธรรมได้ดีอยู่ระดับหนึ่ง หากแต่ขาดเรื่องการสอนความคิดแบบรวบยอดครับ เช่น ผมมีน้องสาวเรียนครู วัน ๆ ก็เห็นทำแต่ตุ๊กตา ผมถามกลับไปว่า อาจารย์บอกไหมว่า ทำ ทำไม สิ่งที่ได้รับกลับคือ ไม่มีการบอก อาจารย์บอกให้ทำ ผมรับรู้ได้ว่า สิ่งที่น้องสาวผมทำนั่นคือการฝึกทักษะ หากแต่เป้าหมายเชิงวิชาการเช่น นั่งประดิดประดอยเหล่านี้ เมื่อเอาไปสอนเด็กปฐมวัย เด็กจะได้อะไรส่วนตัวพอได้มาเรียนทั้งปริญญาโท เอกทางการศึกษา ก็พบว่า แนวคิดเรื่อง systematic thinking นั้น อาจน้อยไปหน่อย ยังคงมีแนวคิดลักษณะเหมือนที่ใช้ในตอนเรียนมหาวิทยาลัย คือ ครูสั่งให้ทำอะไร ก็ทำตามนั้นซึ่งผมเห็นเรื่อง ๆ ต่าง ๆ ในวงการครูนั้น ก็อาศัยอำนาจตามกฎหมายฉบับนั้น ฉบับนี้ ในการบริหารจัดการผมถามหน่อยครับว่า อารยประเทศที่เค้าเจริญกันแล้ว หลักข้อแรกในการดำเนินงาน ใช่การอ้างถึงกฎหมายหรือไม่ , ไม่เชื่อหลักฐานนี้ ลองไปหาอ่านรายงานประชุมสภาการศึกษาของอาเซียนปีล่าสุดก็ได้ครับ คุรุสภาแต่ละประเทศมาประชุมกัน ของเมืองไทยพูดเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องของคุรุสภาไทย สิงคโปร์พูดเรื่อง สังคมอุดมปัญญา แค่นี้ก็ต่างแล้วครับถ้าอยากยกคุณภาพการศึกษา ต้องไม่อ้างเรื่องกฎหมาย ให้อ้างเรื่องผลสัมฤทธิ์จริง ๆ นั่นคือดูที่ผลงาน แล้วเรื่องปัญหาครูวิ่งเต้นอะไรพวกนี้ มันจะค่อย ๆ ดี ขึ้นเห็นด้วย เบื่อแล้วกับพวกบ้ากฎหมาย
ความคิดเห็นที่ 21
ระบบการศึกษาสังคมปัจจุบัน
ประเทศไทยมีระเบียบกฎเกณฑ์อยู่มากมาย เช่น รัฐธรรมนูญ กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง ระเบียบข้าราชการ(พนักงานของรัฐ) เทศบัญญัติ ฯลฯ อันตราขึ้นเพื่อให้ประชาชนปฏิบัติตามแบบแผนของบ้านเมือง เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม แต่ในสภาพที่เป็นจริงทุกวันนี้ ความร่วมมือร่วมใจในการที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดังกล่าวยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย และเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเองก็มิได้รักษากฎหมายให้เคร่งครัด บางครั้งยังอาศัยกฎหมายเป็นเครื่องมือย้อนกลับให้เกิดการหาผลประโยชน์แห่งตน นี่คือปัญหาพื้นฐานที่มีผลสะท้อนต่อจิตใจของประชาชน ซึ่งเสื่อมทรามลงเป็นผลเสียที่บีบคั้นหัวใจอันอาจลุกลามไปสู่ปัญหาอื่น ๆ ที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น.
เด็ก (มองไปที่อนาคต...ประเทศไทย)
พึงได้รับการปกป้องเลี้ยงดูจากบิดามารดา ด้วยความอบอุ่น สั่งสอนความรู้ผิดรู้ชอบ และการฝึกนิสัยที่ดี มีความรักผูกพันในระหว่างสมาชิกของครอบครัว โดยเฉพาะต้องปลูกฝังความมั่นใจในตนเองและสามารถพึ่งตนเองได้
พึงได้รับการศึกษาจากคุณครูที่สังคมคัดกรองมาอบรมสั่งสอน วิชาพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในอนาคตของเด็กที่จะเติบโตขึ้น โดยเสริมความรับผิดชอบในหน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และความรักสามัคคีของชนชาติไทย
ครู (ผู้สร้างอนาคตร่วมกับสังคม)
ให้คุณครูได้มีหน้าที่สั่งสอนอบรมเด็กทั้งด้านความรู้ ความประพฤติ และหน้าที่พลเมืองอย่างเต็มที่ โดยไม่นำภาระงานอื่นที่ไม่จำเป็นไปใช้แรงงานคุณครู การประเมินคุณภาพวิชาชีพครู ให้พิจารณาจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและคุณภาพของเด็ก โดยไม่เน้นว่าต้องเป็นเด็กที่เรียนเก่งมาก่อน (คุณครูไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกสอนเด็ก เพราะสอนเป็นชั้นเรียน) เพียงแต่ว่าคุณภาพเด็กก่อนที่เรียนกับคุณครู เมื่อเรียนไปแล้วคุณภาพเด็กพัฒนาขึ้นตามเอกบุคคล (ไม่ใช่ต่ำลงหรือหมดความตั้งใจที่จะเรียน) ครูที่ไม่ผ่านการประเมินคุณภาพ(อย่างแท้จริง) ควรมอบหมายให้ทำงานอื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่การสอน
ผู้บริหาร (คุณนะทำ หรือ คุณธรรม)หัวหน้าสถานศึกษาต้องมีวิจารณญาณและมีความเที่ยงธรรมในการปกครองดูแลคุณครูในสถานศึกษา พร้อมที่จะปกป้องความไม่ยุติธรรมอันมาจากคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมจากหน่วยงานอื่น (ถ้ามี) ช่วยประสานกับผู้ปกครองที่ไม่เข้าใจและมีปัญหากับคุณครูที่ตั้งใจปรับพฤติกรรมไม่ดีของนักเรียน รวมทั้งพิจารณาสอบสวนพฤติกรรมคุณครูที่ละเมิดความชอบธรรมของนักเรียน ส่งเสริมความสามัคคีของคณะครู ร่วมกับสร้างสรรค์คุณธรรมตามศาสนาที่นับถือ และเป็นทั้งผู้นำและผู้ตามที่ดีของชุมชน (บ้าน วัด โรงเรียน : บวร)"คนไทยคิดคำนึง"
ความคิดเห็นที่ 20
หลักการจริงๆควร เพิ่มเงินเพื่อให้เกิดอัตราการแข่งขันกันระหว่างคนเก่งๆจะได้อยากมาเป็นครู ที่เงินเดือนไม่ต่างจากหมอหรือวิศวกร เพราะเคยเป็นครูมาแล้วขอบอกว่าเป็นอาชีพที่เหนื่อยมาก แผนการสอนการจัดทำอะไรให้เป็นไปตามทฤษฎี
นั้นสวยหรูมาก แต่ทำตามได้ยาก อย่าง child center เนี่ย ถามจริงมีครูสักกี่% ที่เข้าใจจริงและทำได้ผล
ตลอดหลักสูตร บ้านเราพออาชีพไหนเงินดีๆก็จ้องจะหาเส้นหาสายพาลูกท่านหลานเธอยัดฝากยัดฝากกันเข้าไป
มันจะได้บุคลากรที่มีคุณภาพได้ยังไง นี่แหละประเทศไทย ตราบใดที่ยังบ้าๆบอๆกับปชต.แบบนี้ ไม่มีวันเจริญไปกว่านี้หรอก นับวันถอยหลังลงคลองด้วยซ้ำ อดีตครูที่ลาออกมาป็นเกษตรกร
ความคิดเห็นที่ 19
ครูส่วนใหญ่ของประเทศนี้ กิเลสมันล้นใจมานานแล้ว ชีวิตจึงขึ้นอยู่กับเงินและสิ่งเสริมความอยากไม่รู้จบไม่รู้พอ คนอย่างนี้ท่านว่าจะช่วยสร้างเยาวชนของชาติให้เป็นคนดี คนเก่ง และมีความสุข ได้หรือไม่
ครูที่ ถือสันโดษ ความสุขของท่าน อยู่ที่การทำประโยชน์สุข ให้เกิดแก่นักเรียนและส่วนรวม ทั้งในขณะสอนและอนาคต ครูแบบนี้เคยมีมากเมื่อ ๕๐-๖๐ ปีที่ผ่านมา แม้ส่วนมากท่านจะไม่ได้จบปริญญา แต่ท่านมีความฉลาด มีความตั้งใจแสวงหาความรู้และอบรมสั่งสอนศิษย์ มากกว่าครูที่ บ้าเงิน บ้ายศ บ้ายอ และบ้ากาม อย่างที่เห็นๆอยู่ในปัจจุบันนี้ไมตรี
ความคิดเห็นที่ 18
มันเป็นที่ตัวบุคคลมากกว่า กับสำนึกในความเป็นคน เพราะทุกวันนี้โดยส่วนใหญ่ไม่มีสำนึกกันแล้ว นึกถึงแต่ตัวเองจนไม่สนใจคนรอบข้างแล้ว ปลูกฝังเรื่องจิตสำนึกกันแต่เด็กน่าจะดีที่สุด แต่คงจะยากหน่อยเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเราบางคนมันยังไม่รู้จักเลยว่า "สำนึกดีๆ"เป็นยังไง
ความคิดเห็นที่ 17
คนดีสำคัญกว่าทุกสิ่ง (ท่านพุทธทาส กล่าวไว้) แต่จากพฤติกรรม ของครูส่วนใหญ่ ในยุค ปัจจุบัน บอกตามตรง มองไม่เห็นอนาคต ลูกหลานเลยจริงๆ ครูผู้สอน ไม่มีความรู้ ทักษะความเป็นครู จิตวิญญาณ ความเป็นครูไม่มี มีแต่อยู่ในรูปของครูธุรกิจ คอยแต่จะจ้องหาผลประโยชน์ จากเด็กและผู้ปกครอง และมันช่างพ้องกันกับ ยุคปัจจุบัน นักการเมืองเลว เป็นผู้นำของประเทศ ก็ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี พระเจ้าพระสงฆ์ก็ไม่เป็นผู้นำทางจิตทางวิญญาณที่ดี (ยุคเสื่องทราม ขอสังคม) ก็ได้แต่หวังว่าทุกคนจะหันกลับมาทำหน้าที่ของตน ของตน อย่างดี ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา อย่างเต็มที่เต็มความสามารถ ของตน และสุดท้าย กลับมาเป็นคนไทย ที่คิดได้ด้วยตัวเอง มีอิสระทางความคิด ให้สมกับคำว่าไทย ที่มีความหมายว่า อิสระ และไม่หลงไปตามคำพูดใครง่ายๆครูก็กิเลสหนา บ้าวัตถุ เหมือนกัน
ความคิดเห็นที่ 16 +2
เงิน เงิน เงิน ....ตัวนี้...ทำให้มนุษย์เกิดแต่กิเลส ไม่ได้เกิดกำลังใจจะทำงาน แต่ก่อเกิดความ "โลภ" เห็นครูส่วนหนึ่งเหมือนจะขมีขมัน แต่...เป้าหมายคือ "เงิน" ที่ล่อ ส่วน...คุณภาพงาน...ไม่ใช่...จ้าง แอบฉก ขโมย ใช้เส้น ลอก เสนอหน้า (ขอแค่ออกไปนั่งคลิกเม้าส์ให้ด๊อกเตอร์ที่จ้างมาพรีเซนต์) ถรุย! ครูบางคนบ้าทำวิจัย 10 กว่าเรื่องในรอบ 1 เทอม...จะบ้าไหมนั่นเพื่อจะเอาไปเสนอหน้า ค.ศ.๔ พอได้มา...ก็ขรี้ๆเหมือนเดิม...ครูบางคนสอนซะลิงหลับ...เหว๋อ เหว๋อ ๆ ...อารายวะ
เมิงทาย
ความคิดเห็นที่ 15 +2
ปัญหาการศึกษาเป็นปัญหารากเหง้า มานาน แต่ในความรู้สึกผม รู้สึกว่าจะไม่นานเพราะคนสมัยก่อน(อายุ 40+)เรียนลำบากกว่าสมัยนี้เยอะ แต่ทำไม คนที่ไปได้ดิบได้ดี กับเป็นคนที่ขยันอ่าน มากกว่าคนขยันเรียนพิเศษ สมัยก่อนเรียนตามวัด หาหนังสือติวตามท้องสนามหลวงยังสามารถเรียนมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าได้เพราะความขยัน ไม่ใช่เพราะความมีเงินติวได้เยอะ ไม่ใช่เพราะเรียนโรงเรียนในระดับแนวหน้า ปัญหาของประเทศจะแก้ได้ ถ้าเราให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนไทย เพราะการศึกษาจะช่วยกล่อมเกลาความคิดของคนที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ให้เป็นความคิดที่มีค่า ทรงพลัง ทั้งนี้ก็ทั้งนั้น ผมหมายความถึงคนมีความรู้นะครับ ไม่ใช่คนมีปริญญา ผมคิดว่ารัฐบาลควรจะทำสิ่งเหล่านี้ที่ผมเสนอไป ถ้าทำได้ซักนิดก็น่าจะดีไม่น้อย เพราะคิดดูแล้วว่าคงไม่ยากอะไร เพราะคนไทยเก่ง มีฝีมือที่จะทำอะไรดีๆอยู่แล้วเพียงแต่ไม่มั่นใจในศักยภาพตัวเองเท่าไหร่นัก ผมจึงคิดว่าประเทศเราควรจะเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย โดยแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ ด้านหลักสูตร และ ด้านผู้สอนและผู้เรียน
ด้านหลักสูตร
1.รัฐบาลต้องสร้างคุณภาพของหลักสูตรให้ดีครับไม่ใช่เรียนแต่เลข เรียนแต่วิทย์ครับ ซึ่งสิ่งที่ควรเสริมคือดนตรี ศิลปะ กีฬา 3 อย่างนี้ควรจะให้เรียนตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.6ครับ สิ่งพวกนี้จะเป็นตัวช่วยสังเคราะห์วิธีคิดของเด็กๆได้ดีพอๆกับเลขนะครับ เล่นดนตรีได้นี่ไม่ธรรมดา วาดรูปสวยนี่ไม่ธรรมดานะครับ เล่นกีฬาได้นี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน ลองสนับสนุน แบบอื่นบ้างนะครับ เรียนเลข ดีครับฝึกวิธีคิด แต่ไม่ใช่จะให้ทุกคนได้เหมือนกันหมด วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ก็เหมือนกันครับ ต้องหาวิธีสอนแบบค่อยเป้นค่อยไปครับ อาจารย์ชอบอัดเนื้อหา อัดการบ้าน อัดอ่านเยอะ ทั้งที่จริงแล้ววิชาพวกนี้ต้องการการ สอนทีละนิด ทีละหน่อย ต้องการการอธิบาย ซึ่งอาจารย์ชอบอ้างว่าเวลาไม่พอ ถ้าเกิดเวลาไม่พอก็ควรจะสอนแค่ไม่กี่เรื่อง แต่ให้เด็กได้จริงๆก็น่าจะดีกว่า
2.รัฐบาลต้องโละอาชีวะ แล้วทำระบบใหม่ด้วยร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรม สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมโรงแรมไทย ทั้งสามแห่งนี้จะเป็นตัวหลักในการสร้างหลักสูตรอาชีวศึกษาให้ก้าวหน้าแข็งแกร่งได้ โดยแบ่งอาชีวะเป็นสามสาย คือ
สายเทคโนโลยี ทำเรื่องเทคโนโลยี ผลิตคนเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม ทุกวันนี้คนที่เรียนวิศวะ เรียนไปเพื่อไปเป็นวิศวะกร อย่างเดียว ไม่คิดจะเปนผู้ลงมือผลิตบ้าง ฉะนั้นทำให้คนตรงส่วนสายการผลิตหายไป เพราะทุกคนอยากเป็นหัว ไม่มีใครอยากเป็นขา ทั้งที่ขานั้นสำคัญทั้งเปนส่วนที่ทำให้เกิดคุณภาพ มาตรฐาน อันนี้ก็จะช่วยเสริมสร้างให้คนที่จะเข้าสู่สายอุตสหกรรม มีความสามารถเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้เงินเดือนเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน ผู้ปกครองไม่อยากส่งบุตรหลานเข้าเรียนเพราะว่าเรื่องตีกัน ทำร้ายกัน ทำให้รัฐบาลต้องเอาจริงกับคนเหล่านี้เพื่อไม่ให้ก่อปัญหาได้อีก สายเทคโนโลยี ก็อาจจะได้แก่ สายช่าง สายอุตสาหกรรม สายศิลปะทางคอมพิวเตอร์(กราฟฟิคดีไซน์)
2.สายพาณิชการ ซึ่งเปนสายที่มีอยู่แล้วเหมือนสายอุตสหกรรม แต่วิชาของพาณิชย์นั้นยังไม่แข็งพอ ควรจะเพิ่มความเข้มของหลักสูตรและอย่ากล่าวอ้างว่านี่เปน ปวช ควรเรียนแต่พื้นฐาน ซึ่งไม่จริงความรู้ที่วครนักเรียนควรเรียนวิชาด้านการ การลงทุนต่างๆเพื่อไปเป็นพนักงานธนาคารที่ดี เป็นผู้ประกอบการที่ดีถ้าเรารู้จักหลักสูตรด้านการเงินที่ดี เราก็จะสร้างงานทางด้านการเงินได้ไม่ใช่น้อย เพราะปัจุบันคนเรียนบัญชี การเงิน(ซึ่งเปิดน้อยมาก) การตลาดมีเกือบทุกสถาบันอาชีวะ แต่ว่าไม่เข้มข้น ไม่เน้นให้ผู้เรียนใช้ในชีวิตประจำวันได้ ควรจะเพิ่มหลักสูตรการลงทุนเข้าไป น่าจะสร้างมูลค่าได้เพิ่ม
3.หลักสูตรด้านการอาหาร โรงแรมอันนี้สำคัญเพราะนี่ก้คือส่วนผลักดันให้ไทยมีคุณภายด้านบริการ อาหาร เปนเบอร์ต้นๆของโลก เพราะฉะนั้นการสร้างคนให้มีมาตรฐานด้านนี้จริงๆจังๆ ควรจะทำให้มีขึ้นเป็นรูปธรรมเสียที
โดยทั้งสามสายจะต้องส่งครูไปหาความรู้เพิ่มเติมกับ ทั้งสามสมาคม ให้ทั้งสามเป็นพี่เลี้ยงอาชีวะ และยังจะทำให้เด็กๆเมื่อจบการศึกษามาแล้วไม่ต้องต่อป.ตรี แต่สามารถทำงานได้เลย ณ จุดนี้ก็จะเป็นการลดค่าปริญญา ที่ทุกวันนี้เกร่อและเป็นจุดตัดสินของสังคมออกไปได้อย่างดี แต่ถ้าเด็กๆ อยากหาความรู้ด้านป.ตรี ก็ควรจะให้เขาได้มีโอกาสมีที่เรียน เด็กอาชีวะ ทุกวันนี้เข้าจุฬา ธรรมศาสตร์ หรือ มหาวิทยาลัยรัฐคุณภาพต้นๆไม่ได้ ต้องโดนผลักไปราชมงคล ราชภัฎ เลยกลายเป็นประชากรชั้นสองไปโดยปริยาย ซึ่งดูเหมือนว่าเราจะแอนตี้ราชภัฎ ราชมงคลนะครับไม่ได้ แอนตี้แต่อย่างใด เพียงแต่ว่า เด็กที่จบอาชีวะมาควรจะมีทางเลือกในหลายๆทางที่เขาอยากจะเป็น เท่าๆกับเด็กที่จบ ม.ปลาย
3.ถ้ารัฐต้องยุบคณะครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ของทุกมหาวิทยาลัย แต่ตั้งเป็นสถาบันครู ทั้ง 4 ภาค ใครจบที่ภาคไหนก็จะได้สอน เพื่อให้ครูได้ทำงานที่ภูมิลำเนาของตัวเอง โดยสถาบันครูต้องไม่ใช้โมลเดลแบบราชภัฎในอดีต แต่ให้มีโมเดลแบบใหม่ คือ สอนให้ครูเป็นผู้เชี่ยวชาญ คือ ครูจะต้องเป็นสมาชิกตลอดชีพของสถาบัน คือ ทุกปี ต้องมีการอบรมหลักสูตรใหม่ๆ ให้ครูทุกคนมีส่วนร่วมกับหลักสูตร กับการประเมินผลต่างๆ ระดมสมองกันเพื่อออกหลักสูตร ปรับปรุง พัฒนาแก้ไขจุดด้อย ครูหลายโรงเรียนเจอกัน แบ่งปันปัญหา ประสบการณ์ วิธีการแก้ สิ่งพวกนี้คุณครูเคยเจอ เคยแบ่งปันกันอยู่แล้ว แต่มันไม่ได้ทำให้เป็นองค์ความรู้ ที่สำคัญของการตั้ง สถาบันแบบ 4 ภาค คือทำให้ครูมีความเข้าใจ ระบบการศึกษาของแต่ละภาค แต่ละภาคหลักสูตรไม่เหมือนกัน เช่นทางเหนือ มีชาวเขาก็ต้องมีการส่งเสริมวิชาการเรียนของชาวเขา ทางมีชาวอิสลาม พูดภาษามลายูก็มีการส่งเสริมทางด้านมลายู การศาสนาเป็นต้น
4.หลักสูตรต้องปรับปรุงเสมอ และต้องมีคณะกรรมการคอยตรวจสอบเนื้อหาและการสอน เพื่อไม่ให้ครูสอนเนื้อหาอื่นที่ไม่ใช่ในตำรา ซึ่งมันอาจจะไม่ดี แต่ผมมองว่าในเมื่อเวลาคุณมีจำกัดในการสอน คุณก็ต้องใช้เวลาอย่างจำกัด สอนในเรื่องที่เด็กสามารถเข้าใจได้ในฐานะมนุษย์ไม่ใช่ เทวดาหล่นมาจากไหนที่จะสามารถรับอาหารทุกชิ้นจากปากครูได้ พูดแบบนี้อาจจะดูเหมือนว่าผมเป้นคนเรียนไม่เก่ง ใช่ครับผมเรียนไม่เก่ง แต่เอาเข้าจริงๆเด็กส่วนมากไม่เข้าใจสิ่งที่ครูสอน แต่มันจะย้อนกลับมาอีกไม่ได้เพราะครูมีเวลาจำกัดเลยต้องผ่านเลยไป มันเลยเป็นจุดอ่อนที่เด็กต้องไปเรียนพิเศษเพิ่มเติม
5.มีแอดมิชชั่นกลางก็ต้องไม่มีรับตรง มีรับตรงก็ต้องไม่มีแอดมิชชั่นกลาง เพื่อไม่ให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบกว่าใคร กล่าวคือ ต้องมีระบบใดระบบหนึ่งเป็นระบบที่ชัดเจนไปเลย ไม่เช่นนั้นมันจะดูเหมือนว่ามหาวิทยาลัยปฏิเสธแอดมิชชั่นกลาง ทางที่ดีควรกลับไปใช้เอนทรานซ์ เลือก 5 อันดับ แล้วสอบกลางไปเลย
6.สร้างโรงเรียนเฉพาะทางเช่นเตรียม แพทย์ เตรียมวิศวะ โรงเรียนด้านศิลปะ เป็นต้น เพื่อให้เป็นขั้น Advance ทางด้านนั้นไปเลย ส่วนเด็กที่เหลือจะเรียนในแนวที่เคยกล่าวมา เพื่อสอบไปเรียนสายอื่นๆที่ไม่ต้องใช่วิชาเฉพาะมากนัก
7.การเรียนภาษาอังกฤษในประเทศไม่ได้ผลมานานมากแล้ว เรียนตั้งแต่ ป.1 ถึง ปี 4 ก็ไม่กระดิกหู เพราะฉะนั้น การเรียนให้ได้ผล คือ ครูต้องจัดให้มี คอร์สวันเสาร์สำหรับภาษาอังกฤษ เป็นคอร์สอะไรก็ได้ที่ทำกิจกรรมเป็นภาษา โดยไม่ต้องมีการบ้าน(จะได้ไม่ต้องอ้างว่าเด็กรับไม่ไหว) แต่ให้เป็นกิจกรรมสนุกสนาน หรือให้มีส่วนกลาง ทำเป็นวีดีโอสอนผ่านดาวเทียมไปยังโรงเรียนต่างๆที่อยู่ ทั่วประเทศ และเด็กต้องเรียน 6 วัน โดย 3 วันเป็นกิจกรรม 3 วันเป็นวิชาการ เพื่อให้เกิดความสมดุลกัน ซึ่งจริงๆเด็กไม่ควรจะพักเยอะ เพราะยังอยู่ในวัยที่สมองยังโลดแล่นได้ดี การมีกิจกรรมวันเสาร์จะช่วยเติมเต็มความขาดขายทางวิชาการ หรือกิจกรรมต่างๆได้ โดยวันเสาร์จะต้องเป็นกิจกรรมรีแลคซ์ การสอนทำการบ้าน สอนนั่นสอนนี่ที่สนุกสนาน ไปใช้งานได้ชีวิตจริง
8.ทำให้ระบบ กศน. ระบบโรงเรียนฝึกอาชีพ เข้มแข็ง แข็งแรง มีคุณภาพสูง ต้องพาระบบพวกนี้เดินไปหาคนตามโรงงาน ตามสถานประกอบการต่าง ซึ่งบางคนมีเหตุผลของชีวิตให้ไม่ได้เรียน ก็เดินเข้าไปหาคนเหล่านั้นเอง โดยการสอนต้องดี ทันสมัย มีความ Creative โดยอาจจะรับงานเป็นผู้อบรมพนักงานในองค์กรนั้นๆเพื่อใช้ไปต่อยอดในการทำสิ่งต่างอื่นๆอีกมากมาย ระบบโรงเรียนฝึกอาชีพก็เป็นอีกระบบหนึ่งที่จะเป็นการติดอาวุธให้กับคนที่ต้องการมีอาชีพเพิ่มติม หรือ มีอาชีพหลักเสือไม่สิ้นลาย
ความคิดเห็นที่ 14 +3
ครูเลว เพราะนักการเมืองชั่วชาติบังสะหม้อ
ความคิดเห็นที่ 13 +14
ผมเป็นครูคนหนึ่ง เห็นด้วยกับบทความข้างต้นเป็นบางส่วน แต่อยากจะบอกว่าการศึกษปฏิรูปมากี่ครั้งไม่เคยก้าวไปข้างหน้าเพราะการคัดเลือกผู้บริหารที่เล่นพรรคเล่นพวก มองหาผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลสัมฤทธิ์ จึงทำให้การศึกษาวิกฤตถึงขั้นนี้ตราบใดที่เรายังมีผู้บริหารสถานศึกษาที่ด้อยคุณภาพมากกว่้าผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถ ตั้งใจจริง มีจรรยาบรรณ เราจะไม่สามารถพัฒนาระบบการศึกษาได้เลย เราโทษกันแต่ครู แต่ลองคิดดูนะครับครูที่ไม่ดี ครูที่แย่ จะไม่มีบทบาทอะไรเลยหากผู้บริหารสถานศึกษาเป็นบุคคลที่มีคุณภาพมากกว่านี้
อย่างระบบการประเมินคุณภาพภายนอก ผู้บริหารไม่ค่อยนำมาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างเป็นระบบและต่อนื่อง ส่วนใหญ่จะนำมาปฏิบัติเมื่อ สมศ. จะเข้ามาตรวจ และเอะอะโวยวายว่าเป็นไปไม่ได้ เกณฑ์สูงไป สารพัดจะอ้าง แต่ผลออกมาส่วนใหญ่จะผ่านการประเมิน เพราะอะไร ผักชีโรยหน้าเกือบทั้งนั้น ผลกระทบมาตกที่ครูเต็มๆ ช่วงก่อนการประเมินภาระครูทั้งนั้น แต่ก่อนที่จะเข้าตรวจประเมิน 3 ปี 4 ปี ท่านบริหารกันแบบตามใจท่าน ครูไม่ได้มีบทบาททางการบริหารเลย
ต้องขออภัยนะครับนี่เป็นความเห็นส่วนตัว เพราะประสบการณ์การทำงานของผมมา 18 ปี มีโอกาสทำงานในหลายระดับภายในสถานศึกษา เห็นว่าฝ่ายบริหารที่มีส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบการศึกษาให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐ ไม่ว่าจะยุคไหน รัฐบาลไหน ห่วงหน้าตา ตำแหน่งมากกว่าการบริหารสถานศึกษาครับ
ความคิดเห็นที่ 12
ครูเซเลบพยายามดันตัวเองให้ดูดีจะได้ค่าจ้างแพงๆเวลาไปสอนพิเศษ พวกนี้เจอเยอะนะหลังๆ สอนก็งั้นๆเจอมา
ความคิดเห็นที่ 11 +4
ที่เป็นครูอยู่ทุกวันนี้เพราะประทับใจครูดีที่ท่านเคยสอนตอนเป็นเด็กค่ะ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เป็นครูที่ดีมากเหมือนท่าน ไม่เคยได้รับรางวัลหมื่นแสนล้านครูดีจากที่ใดๆ แต่ก็ตั้งใจทำงานเพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดินไทยที่ทำให้เราอยู่เย็นเป็นสุขกันมา เงินเดือนก็เป็นที่มาของปัจจัย 4 ในการดำรงชีพดำรงชีพ คุณค่าทางใจที่มีค่ามากที่สุดก็คือเห็นลูกศิษย์มีความรู้และเป็นคนดี ทุกอย่างอยู่ที่สามัญสำนึก ต่อให้เงินเดือนเป็นล้านถ้าไม่สำนึกในหน้าที่แล้ว ให้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ทุกวันนี้ต้องเผชิญกับความเสื่อม โสมมในเรื่องผลประโยชน์ของวงการครูที่อยู่ใกล้ตัวแล้วก็มีความรู้สึกห่วงสังคมไทยว่า อีกสิบปีข้างหน้าบ้านเมืองจะไปรอดหรือถ้าคนเป็นครูคิดได้แค่นี้ ถ้านักการศึกษาท่านใดที่เป็นหัวขบวนของการปฏิรูปการศึกษารอบสอง อยากฟังข้อมูลดี ๆ ติดต่อได้ค่ะ
ครูประถมศึกษาที่อยู่ในเมือง
ความคิดเห็นที่ 10 +1
จากหลักสูตรแกนกลางฉบับปัจจุบัน ถามจริงเหอะครูโรงเรียนไหนหรือคนไหนมีปัญญาสอนให้ครบหรือทันบ้างครับ ตั้งแต่ประกาศใช้มายังสอนไม่เคยทันหรือครบสักเทอม แล้วนักข่าวสายการศึกษาเคยอ่านหลักสูตรที่ว่าหรือเปล่าครับว่าเป็นอย่างไร
Animal Marine
ความคิดเห็นที่ 9 +2
US pays teacher enough money to live, but still some teachers also rape or have sex with his/her student.
Khon Thai in US
ความคิดเห็นที่ 8 +2
ทุกวงการมีทั้งคนดี คนไม่ดี อาจารย์ที่ผมรัก ไม่มีพฤติกรรมแบบที่ว่าเลย ทั้งใจดี ทั้งดุในแต่ละสถานการณ์
ที่จำได้แย่ๆ คือครูพละ ชอบทำ Sexual Harassment กับนักเรียนผู้หญิงด้วยการให้มาหนวดบ่าให้บ้าง อะไรบ้าง ครูพวกนี้ผมจำได้ และไม่เคยนับถือเลย
bluray สมาชิก
ความคิดเห็นที่ 7
ล่มจม ! เรือรั่วหลายจุดเกินเยียวบา เริ่มจัดหากระเป๋าเหอะพวกเรา !!!
สละเรือ
ความคิดเห็นที่ 6 +1
ครูดีๆยังมีอีกมากแต่ที่สร้างปัญหาคือผู้รับจ้างสอนแล้วหลอกเป็นครู
ความคิดเห็นที่ 5 +2
ครู.. ทำงานไปวันๆไม่คิดพัฒนา วิชาความรู้ทำตัว มีอำนาจเหนือเด็กนักเรียน
ครูที่มีจิตใจดี และคิดพัฒนา ให้โรงเรียนพัฒนาการสอน ให้เด็กนักเรียนเป็นเด็กดี มีความรู้ และสามารถสอบในสถาบันที่ดี เพื่อเป็นเกียรติของสถาบัน ไม่มีอีกต่อไปแล้ว
เรื่องจริงที่น่าเศร้า
ความคิดเห็นที่ 4 +4
ครูในราชการหลายคนยอมเสียเงินเพื่อทำอาจารย์ 3 ครูหลายคนยอมรับเงินเป็นค่าตรวจให้ผ่านผลงานที่ส่งประเมินอาจารย์ 3 เมื่อสะสมได้เป็นกอบเป็นกำ ก็ทำเรื่องและยอมเสียเงินใต้โต๊ะให้ผ.อ.โรงเรียนดังๆ ในเมืองใหญ่ๆ และเมื่อเรื่องย้ายสำเร็จ ครูเหล่านั้นก็กลายมาเป็นครูโรงเรียนดัง จากนั้น.....การหาเงินเพื่อเอาคืนจากที่ได้ลงทุนไปก็เริ่มขึ้น ... เพื่อเงินในช่วงที่เหลือของชีวิตราชการครูของตน โกยเข้าไปๆ ส่วนคุณภาพเด็กจะเป็นไง....."ช่างแมร่งมัน....ก็ขนาดลูกฉัน ยังเรียนไม่จบเลย" อนาถแท้....เด็กไทย
ขอคาราวะครูแท้.....ที่ไม่ใช่ "คู" ครูเทียม
ความคิดเห็นที่ 3 +1
ติดว่าจะออกเป็นกฏหมายได้รึป่าว ว่าอาจารย์ที่สอนใรโรงเรียน ห้ามสอนพิเศษ ถ้าจับได้ ควรมีบทลงโทษ
วงรี
มีติวเตอร์สอนเก่งมากมายที่ไม่ได้เป็นครูสอนจริงในโรงเรียน แต่สร้างความรู้ให้เด็กอย่างมากมายและความสุขในการเรียนรู้และประสบผลสำเร็จสูง จะทำยังไงกะเขา ก็...ห้ามหมอเปิดคลีนิคทั่วประเทศให้ได้ก็แล้วกัน ส่วนครู...ก็ต้องออกข้อสอบกลาง มีองค์กรกลางจัดสอบวัดผล ที่ผ่านๆมาครู 90% สอบพิเศษก็แค่ "ขายข้อสอบ" มันถึงได้แหลกเละ
จิตวิปริตผิดเพี้ยน
ที่สำคัญ "ผู้บริหารโรงเรียน" คือเหลือบตัวเลวที่วันนี้แปลงร่างมาบนคำว่า "ผอ." แต่พวกเขาคือปิศาจร้าย โกง กิน บ้าอำนาจ คุณภาพต่ำ จิตใจถร่อย ละโมภ ฯลฯ เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจที่สุดในสภาบันหลายๆแห่ง...เศร้าสุด !
เจอเต็มๆ
เห็นด้วยกับ คุณ"เจอมาเต็ม ๆ" เพราะครูแทบทุกโรงเรียน ก็จะเจอแบบนี้
ครูแก่
ความคิดเห็นที่ 2 +5
ทุกวงการมีทั้งคนดีและคนไม่ดีครับ แต่การศึกษาไทยสมัยนี้มันเข้าขั้นวิปริตไปแล้ว
ความคิดเห็นที่ 1 +16
ยอมรับว่ามีครูที่ อาศัยความเป็นข้าราชการหาผลประโยชน์จริง ครับ และพวกอยู่นานสอนนานก็ไม่ยอมพัฒนาตนเองอ้างว่าจะเกษียณอายุราชการ พวกครูมาบรรจุใหม่ก็ตั้งธงว่าได้บรรจุเป็นข้าราชการแล้วสบายแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมาก แต่ก็อย่าลืมว่ามี ครู ที่เป็นทั้งข้าราชการ ครูอัตราจ้าง ครูเอกชน ที่ตั้งใจและอุทิศด้วยจิตวิญญาณความเป็น"ครู"ที่แท้จริงอยู่เหมือนกัน แม้จะเป็นแสงอันริบหรี่ที่มีอยู่น้อยแต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้"ครู"ผู้ที่ยังมีอุดมการณ์จงอดทนเพื่อเยาวชนของประเทศไทยต่อไปครับ
ด้วยคาราวะพระคุณครู

 
     
      By : ครูนอกโรงเรียน      (101.51.32.*)  23/10/2012 08:51 AM  
 
 
 
  ความคิดเห็นที่: 1  
     
  เพราะหลายหน่วยงานหลายภาคส่วนขาดคำว่าและบางคนขาดคำว่าสัจจะ แปลกันง่ายๆตรงๆคือความจริงใจที่จะพัฒนาช่วยกันเห็นแก่ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง พัฒนาที่จิตใจก่อนจึงจะสำเร็จ หมื่นหรือล้านวิธีเอามาแก้ไขปัญหา ถ้าแก้ไม่ตรงจุดรับรองไม่ประสบความสำเร็จ หรือยังมีอีกเงื่อนไขหากรู้จุดที่จะแก้ไขแล้วยังไม่ยอมแก้ไข จงอย่าถามอีกว่าปัญหานี้จะแก้ยังไง  
     
    By: สัจจะ      (182.93.170.*) 23/10/2012 02:09 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 2  
     
  ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่ตายทุกวันนี้ความจริงเป็นอย่างไรรู้ๆกันอยู่ นี่แหละคือ สัจจะ  
     
    By: สัจจะ      (182.93.170.*) 23/10/2012 02:12 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 3  
     
  ขอบคุณทุกความเห็นและผู้นำกระทู้นี้มาลงเพราะจะได้รู้ว่าหลายๆความเห็นจะมีความรู้สึกต่อกระทู้นี้อย่างไร ขออย่าได้เป็นเช่นตัวเลือกดังต่อไปนี้เลย ก.เฉยๆ ข.เฉยๆ ค.เฉยๆ ง.ถูกทุกข้อ  
     
    By: สัจจะ      (182.93.170.*) 23/10/2012 02:15 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 4  
     
  ข้าพเจ้าเป็นศิษย์มีครู ขอเชิดชูครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนให้ข้าพเจ้าเป็นคนดี มีความรู้ และไม่มีจิตที่จะคิดลบหลู่คุณครูบาอาจารย์ แต่แสดงความคิดเห็นในฐานะของพลเมืองที่ยังพอมีความตระหนักต่อปัญหาสำคัญยิ่งก็เพียงเท่านั้น  
     
    By: สัจจะ      (182.93.170.*) 23/10/2012 02:21 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 5  
     
  โดยเฉพาะ พวก คศ.๓ และสุ่มครูอายุแถว ๆ 50 ปี  
     
    By: ครู      (49.48.89.*) 24/10/2012 08:03 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 6  
     
  ผมรับราชการครูมา 30 ปี อายุ 55 แล้ว (คศ.3) นะครับทุกปีจะมีการแข่งกีฬา/วิชาการทั้งระดับกลุ่ม/เขตพื้นที่การศึกษา ผมก็ฝึกสอนทั้งวิชาการและกิจการพละ แต่ละปีก็ได้เหรียญทองทั้งในระดับกลุ่มและระดับเขตมากกว่าครูหนุ่มๆ ในโรงเรียนและในกลุ่มทุกปีในรอบ 9 ปีที่แยกเป็นเขตมาผมได้แชมป์กรีฑาในระดับเขตมาแล้ว 3 ครั้ง วิชาการระดับกลุมและระดับเขตผมได้เหรีญทองมาปีละไม่ตำ่กว่า 10 เหรียญ ยกตัวอย่างปีนี้ผมได้รางวัลวิชาการระดับเขตมา 9 เหรีญทอง 5 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง (รวม 17 รายการ)การโพสต์โจมตีครู คศ.3 (แก่ๆ)นั้นให้พอเหมาะบ้างอย่า คนรุ่นหนุมก็ฝึกประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก่อน เมื่อถึงวัยตัวเองอายุมากก็อาจถูกโจมตีคืนนะครับ เดินทางสายกลางจะดีกว่ามั้ง  
     
    By: ครูมืออาชีพ      (101.51.252.*) 24/10/2012 10:40 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 7  
     
  คุณความคิดเห็นที่ 5 ท่านให้ความเห็นว่า "โดยเฉพาะ พวก คศ.๓ และสุ่มครูอายุแถว ๆ 50 ปี " เป็นการดูถูกครูในกลุ่มนี้มากที่สุด ไม่ทราบว่าคุณเป็นครูจริงหรือไม่ ถ้าท่านแน่จริงท่านลงชื่อจริง โรงเรียนที่ท่านสอนจริงมาเลย ดิฉันจะไปพบท่านที่โรงเรียนที่ท่านสอน ไปดูว่าท่านสอนเป็นอย่างไร ดีกว่า สุ่มของดิฉันที่เป็น คศ. 3 และอายุแถวๆ 50 ปี มากน้อยเพียงไร อยากรู้ อยากทราบว่า ท่านในขณะนี้ อายุเท่าไร และเป็นครูที่อันดับเท่าไร ถ้าท่านอายุยังน้อย ท่านไม่คิดหรือว่าท่านจะต้องอายุถึง 50 ปี และท่านยังไม่ได้ คศ. 3 ท่านก็คงไม่ต้องการที่จะอยู่ในระดับนี้นะ .....ถ้าท่านไม่กล้าที่จะลง Web เพื่อบอกชื่อจริง นามสกุลจริง และโรงเรียนที่ท่านสอน ก็ส่งข้อความไปที่ pc.505@hotmail.com ดิฉันจะรอคำตอบจากท่านนะ.......  
     
    By: ครูพัช      (203.172.199.*/10.250.182.52) 24/10/2012 10:54 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 8  
     
  คน มันก็มีทั้งดี และไม่ดี
ครู ดี มีมากกว่าครูไม่ดี แน่นอน
ถ้าไม่เช่นนั้น คงไม่มีลูกศิษย์ที่จบ มาทำงาน รับใช้บ้านเมืองได้ขนาดนี้หรอก
อย่าเอา ครูที่ไม่ ดีเพียงบางส่วน มา ตี ราคาครูทั้งหมด มันไม่เป็นธรรม
 
     
    By: ครูธรรมดา      (223.207.9.*) 24/10/2012 11:57 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 9  
     
  ครูแม้จะแก่ในกลุ่ม 50 ปีขึ้นไป ก็ตามที่โรงเรียนก็ไม่เห็นจะด้อยไปกว่าครูที่อายุยังน้อยด้วยซ้ำ ขอยกตัวอย่าง เมื่อคราวที่สพป.เตรียมครุเพื่อเตรียมเด็กสอบ O-net ครูแก่นี่แหละที่ตั้งใจกลัวเด็กทำข้อสอบไม่ได้ และก็มีบางโรงเรียนที่ส่งครูสาวอายุรุ่นๆนี้แหละไป ปรากฎว่าแม่สาวน้อยคนนี้ก็นั่งข้างหน้า นำคอมพิวเตอร์มานั่งเล่นเฉยโดยไม่แคร์ใคร จนท่านศน.ทนไม่ไหวจึงได้ขอร้องให้เก็บ จะอะไรยังไงก็ตามอย่าไปดูถูกครูแก่เขาเลย อย่างน้อยครูแก่ก็ยังมีมารยาท ตัวอย่างเล็กๆน้อยก็น่าจะเป็นแบบอย่างให้ลูกให้หลานได้เห็น  
     
    By: ครูค่อนข้างแก่      (49.48.71.*) 24/10/2012 05:33 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 10  
     
  อ้าวเขาให้ฟังความเห็นจากอาชีพอื่นไหงฟัดกันเองครูขา  
     
    By: คนดู      (101.51.39.*) 24/10/2012 07:33 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 11  
     
  พวกครูทั้งหลายเอ๋ย ลองเข้าไป 7 แล้วซื้อโค้ก แต่เวลาไปจ่ายเงิน แล้วให้บอกแคชเชียร์นะว่า ฉันเป็นครู คศ.3 ตั้งใจสอนและมีอุดมการณ์ด้วย และให้ชาวนารากหญ้าไปซื้อโค็ก แล้วจ่ายเงินตามจำนวน ดูซิ ใครมันจะได้กิน อยากรู้เหมือนกันแหละครับ ระหว่างอุดมการณ์กับเงินพันล้าน คุณจะเลือกมีอะไร คุณก็รู้อยู่ จะโสกันทำหอก....  
     
    By: ครูกัดกัน      (203.172.199.*/10.250.166.158) 25/10/2012 02:02 PM
 


     
 
       
ชื่อ ::
  *
  รหัส ::   (เฉพาะสมาชิก)
 
อีเมล์ ::
  (สมาชิกไม่ต้องกรอก)
     
Insert Bold text Insert Italicized text Insert Underlined text Insert Centered text Insert a Hyperlink Insert Email Hyerplink Insert an Image Insert Code Formatted text Insert Quoted text
 
รายละเอียด ::
  *
  ใส่รูปแสดงอาการ ::   Confused Idea Smile Wink Coool Love It Cry Devil Kiss Yum Big Grin Smiley Razz Brow
Blue Smile Ek Frusty Eek Weird Look Bawling Angry Fire Red Face Eplus Uh Oh Crying Sinister Tongue Roll Eyes
 
รูปประกอบ ::
  ไม่เกิน 50 Kb
       
     
 
     
 
 Search Word:
Support by http://www.sisaketedu1.go.th
This programe support PHP 4, MySQL Developer by NOKESTUDIO In Thailand
NINEBOARD Vol 3.0 Copyright © 2001-2002 NINETO SOLUTION All Rights Reserved.