แห่ใช้"ครูอัตราจ้าง"เยอะ ความรู้ไม่แน่น ทำเด็ก ม.6 สอบตกโอเน็ต
โพสเมื่อ : 31 มี.ค. 2555 โดย : Kruthai เปิดอ่าน 5115 | คิดเห็น 120
คะแนนของข่าวนี้
(63.33%-18 ผู้โหวต)
.....
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักทดสอบทางการศึกษา สพฐ.ได้ประชุมร่วมกับตัวแทนโรงเรียนดังในกรุงเทพฯ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุที่ทำให้นักเรียนชั้น ม.6 ทำคะแนนโอเน็ตได้ต่ำ ตามที่นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) มอบหมาย โดยผลการวิเคราะห์ พบว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้คะแนนโอเน็ตต่ำลง เนื่องจากครูไม่มีความรู้แน่นพอที่จะสอนตามหลักสูตร เนื่องจากเป็นครูอัตราจ้าง ทำให้นอกจากความรู้ไม่แน่นพอแล้ว ยังไม่ใส่ใจที่จะสอนเนื่องจากสวัสดิการเทียบเท่ากับครูประจำการไม่ได้
ผู้อำนวยการโรงเรียนดังแห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีโรงเรียนจำนวนมากใช้ครูอัตราจ้างแทนครูประจำการที่เกษียณอายุราชการ บางโรงเรียนจ้างครูอัตราจ้างถึง 50% เมื่อนักเรียนไม่ได้รับความรู้เต็มที่ จึงหันไปเรียนพิเศษแทน โดยครูที่สอนพิเศษเหล่านั้นมาจากครูที่เกษียณอายุราชการ ส่งผลให้ธุรกิจกวดวิชาเฟื่องฟู นอกจากนี้อีกสาเหตุที่ทำให้เด็กได้คะแนนตกต่ำลง เพราะในการออกข้อสอบของ สทศ. ไม่ได้มีนักวัดผลมาวิเคราะห์ถึงความยากง่ายของข้อสอบก่อนนำไปใช้ มีเพียงกรรมการกลั่นกรองข้อสอบเท่านั้น ส่งผลให้ข้อสอบยากและบางข้อมีปัญหากำกวม ทั้งนี้ จะนำผลวิเคราะห์ดังกล่าวนำเสนอนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.ต่อไป
ด้านนายชินภัทรกล่าวว่า เท่าที่ดูข้อสอบโอเน็ต ม.6 ปีนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ยาก ซึ่ง สพฐ.ค่อนข้างไม่เห็นด้วย เพราะโอเน็ตเป็นข้อสอบที่ใช้วัดความรู้ขั้นพื้นฐานของนักเรียน ไม่ใช่ข้อสอบสำหรับคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ดังนั้น ควรจะมีค่าความยากอยู่ในระดับปานกลาง โดยเรื่องนี้ สพฐ.คงต้องรอผลการวิเคราะห์ข้อสอบจาก สทศ.ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
แหล่งข่าวจาก สพฐ.เปิดเผยว่า สาเหตุที่โรงเรียนใช้งบโรงเรียนจ้างครูอัตราจ้าง เนื่องจากแต่ละปีมีครูเกษียณอายุราชการและครูเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดประมาณ 10,000 คน เช่น ปี 2554 มีครูสังกัด สพฐ.เกษียณอายุราชการก่อนกำหนดกว่า 7,000 คน และเกษียณอายุราชการปกติกว่า 3,000 คน รวมเป็นกว่า 10,000 คน ซึ่งแม้ สพฐ.จะได้อัตราคืนครบทั้ง 100% จากคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) แต่กระบวนการทางระบบราชการในการประสานงาน คปร. ตลอดจนการเกลี่ยอัตราไปให้โรงเรียนที่ขาดแคลนครู ต้องใช้เวลาถึง 6 เดือน ส่งผลให้กว่าโรงเรียนจะได้อัตราไปบรรจุครูประมาณเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม ฉะนั้น ช่วงที่ขาดแคลนครู ทางโรงเรียนจึงต้องใช้งบของโรงเรียนจ้างครูอัตราจ้าง
|