ลิงก์ผู้สนับสนุนนางอุทุมพร จามรมาน ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า จากการประชุมระหว่างผู้แทนจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย ที่ประชุมมีมติจัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน เพื่อหาวิธีการและนำเสนอรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพต่อไป โดยที่ประชุมเห็นตรงกันว่าเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขโดยเร็ว คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-ม.6 เพราะจากข้อมูลการสอบต่างๆ พบว่าเด็กไทยมีคะแนนตกต่ำมาก ไม่ว่าจะเป็นคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) การทดสอบความถนัดทางวิชาชีพ/วิชาการ (PAT) และที่สำคัญการประเมินผลนักเรียนระดับนานาชาติ หรือ PISA ซึ่งผลปรากฏว่าเด็กไทยอยู่ในอันดับรั้งท้าย และตกต่ำลงเรื่อยๆ
"สาเหตุที่ต้องพัฒนาให้คะแนน PISA ของเด็กไทยดีขึ้นนั้น เพราะคะแนนดังกล่าวมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการลงทุนระยะยาวของต่างประเทศที่จะมาลงทุนในประเทศใดก็จะดูว่าประเทศนี้มีคะแนน PISA เท่าใด และควรจะมาลงทุนหรือไม่ ดังนั้น คิดว่าเวลานี้เราจะต้องโกอินเตอร์ด้วย จะมาพัฒนาเพียงคะแนนการสอบในประเทศอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องดูระดับนานาชาติด้วย" นางอุทุมพรกล่าว
ที่ปรึกษาผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวต่อว่า การสอบ PISA เป็นการสอบวัดทักษะพื้นฐาน ที่เน้นการอ่าน การแก้โจทย์ปัญหาเชิงตัวเลข และการคิดอย่างเป็นระบบ ดังนั้นครูทุกคนจะต้องสร้างสิ่งเหล่านี้ให้เกิดแก่เด็ก โดยเบื้องต้นครูจะต้องนำข้อสอบมาวิเคราะห์ว่าสอบอะไรบ้าง และนำมาสอน รวมทั้งฝึกให้นักเรียนทำ จากนั้นก็ดูว่าเด็กยังอ่อนเรื่องใด เพราะการจะทำให้คะแนนดีขึ้น ควรต้องดูเขาดูเรา ซึ่งวิธีนี้ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และแคนาดา เคยทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว นอกจากนี้จะเสนอต่อนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ปรับเปลี่ยนการกำกับดูแลสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) จากภายใต้การกำกับของ ศธ. ไปอยู่ภายใต้การกำกับของสำนักนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) เพื่อความเป็นอิสระ และโปร่งใส เพราะโดยหลัก หน่วยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินและจัดการทดสอบ ไม่ควรอยู่ภายใต้สังกัดที่มีสถานศึกษาที่ต้องเข้ารับการทดสอบ ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนดังกล่าวทำได้โดยแก้พระราชกฤษฎีกาของ สทศ. ซึ่งหากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เห็นชอบ ก็ควรเร่งทำทันที เพราะขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) กำลังรวบรวมการแก้ไขกฎหมายของหน่วยงานที่เป็นองค์การมหาชน เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน
|