ความดี ความชอบ คือแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการจริงหรือ?
ในขณะที่ตั้งกระทู้นี้ก็เลยฤดูกาลพิจารณาความชอบแล้วหละครับ เพียงแต่อยากตั้งขอสังเกตให้ท่านที่สนใจเรื่องนี้นำไปลองคิดเล่น ๆ ดู เผื่อว่าคร้งต่อไปจะได้นำมาเป็นแนวทาง สำหรับ เตรียมตัว เตรียมใน หรืออาจทำใจก็ได้ (ข้อความต่อไปนี้ผมได้คัดลอกเขามาหมด) มนุษย์ ปุถุชน คนทุกคนยังมีกิเลส และตัณหา เข้ากับทฤษฎีของมาสโลว์ คือความต้องการของมนุษย์ มี 5 ระดับ และในระดับที่ 5 นั้นไม่มีมนุษย์ตนใด ที่ประสบความสำเร็จถึงขั้นนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนยังไม่เพียงพอกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่.....
การปฏิบัติหน้าที่ราชการ มีค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน และโบนัสประจำปี ซึ่งในแต่ละปีงบประมาณ ก็มีการพิจารณาความดี ความชอบ 2 ครั้ง คือ วันที่ 1 เม.ย. และวันที่ 1 ต.ค. แต่ละคนก็จะได้มากน้อย ลดหลั่นกันไปตามกฎเกณฑ์ที่ ก.ค. กำหนด ถ้าปีไหนโชคดีหน่อย ก็จะได้ 2 ขั้น ถ้าไม่ค่อยดีนัก ก็ 1 ขั้น ....บางคนบอกว่าไม่ต้องได้ 2 ขั้นหรอก ขอ ขั้นครึ่งทุกปี...ก็บานบุรีแล้ว.......
การพิจารณาความดีความชอบนั้น บางคนบอกว่าเป็นตัวสร้างบารมีให้กับผู้บริหารโรงเรียน แต่ น่าจะเป็นตัวสร้างความเกลียดชังให้กับผู้บริหารเองมากกว่า......เพราะ เค้ก มีก้อนเดียว...แต่คนที่อยากรับประทาน มีเป็นสิบคน ดังนั้นคนรัก ก็จะมีแค่คนเดียวที่ได้เค้กไปทาน ส่วนอีก เก้าคน ย่อมไม่พึงพอใจ แน่นอน........
ช่วงฤดู พิจารณา ความดีความชอบ ทุกโรงเรียนจัดทำบัญชี แบบ .ต่างๆ เพื่อส่งสำนักงานเขตพิจารณาอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งขั้นตอนของโรงเรียนเริ่มโดยแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณา และนำผลการประเมินการปฏิบัติราชการครั้งที่ 2 ระหว่าง 1 เม.ย 49 - 30 ก.ย. 49 ซึ่งเป็นการประเมินตนเองและประเมินเพื่อนร่วมงาน โดยให้คณะกรรมการพิจารณาฯ ได้แก่หัวหน้าช่วงชั้น สรุปในสายช่วงชั้นของตน......ซึ่งก็เป็นที่ยินดีที่ครูทุกคน อยู่ในเกณฑ์ดีมาก 80 % ขึ้นทุกคน เข้าข่ายในการพิจารณาหนึ่งขั้น และหนึ่งขั้นครึ่ง......
เมื่อทุกคนเข้าข่ายในการพิจารณา ก็ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ที่จะต้องจัดอันดับความดี ผสมผสานกับระดับความชอบ ซึ่งส่วนใหญ่ ที่โรงเรียนทำกันเป็นประเพณีเลย ก็คือ ใครที่ได้ 1 ขั้นในรอบแรก รอบที่สอง ถ้าไม่เลวร้ายเกินไป ก็คงจะได้ 1 ขั้น ตามวิธีปฏิบัติ หรือบางคนรอบแรกได้ 0.5 ขั้น ถ้ารอบสองผลการปฏิบัติหน้าที่โดดเด่น มีผลงานระดับเขตฯ ระดับชาติ ในรอบนี้ก็อาจจะได้ หนึ่งขั้นครึ่ง ก็เป็นไปได้.......
ซึ่งในการพิจารณานั้น มีหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้องเช่น วันลา , จำนวนวันที่ปฏิบัติราชการ, การถูกดำเนินทางวินัย.....ฯลฯ และ 15 % ของกลุ่มซี เม็ดเงิน 6% ของเงินเดือนรวมทั้งหมด เป็นต้น.....ตรงเม็ดเงิน 6 % นี้ มีผลกับโรงเรียนที่มีครูเงินเดือนสูงๆ เม็ดเงินที่ได้ก็จะมากขึ้นเป็นเงาตามตัว....ดังนั้นครูบางคน...ที่เล็งเห็นตรงนี้ ก็จะขอย้ายตัวเอง ไปอยู่โรงเรียนที่มีเม็ดเงินมากๆ เพราะอย่างน้อย ก็ได้ หนึ่งขั้นครึ่งทุกปี ก็แฮปปี้ แน่นอน........
ครับทั้งหมด ก็คือกระบวนการ สรรหาตัวบุคคล ให้ได้รับรางวัล เค้ก ก้อนนี้ไปครอง..... ในส่วนตัวของผม ก็สร้างความปวดใจให้กับตัวเองพอสมควร...เพราะอยากจะให้เพื่อนร่วมงานสองขั้นกันทุกคนจริง ๆ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ด้วยกรอบหลักเกณฑ์ อย่างที่บอกไว้เบื้องต้น
ก็เลยต้องกลับมามองว่า.......รางวัลที่ให้กันแบบนี้....ทำให้เกิดประโยชน์ต่อวงการของราชการส่วนรวม....และทำให้ประสิทธิผลของงานส่วนรวมดีขึ้นหรือไม่?.....หรือสร้างความร้าวฉาน และเพิ่มช่องว่างให้กับผู้บริหาร และครู .....เป็นการสร้างกิเลส ให้พอกพูน มากกว่าที่จะเป็นแรงจูงใจในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่? บางคนมีหน้าที่จะต้องประเมินผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ไม่มีเวลาทำ มอบหมายให้คนสนิททำหน้าที่แทนแล้วบอกเห็นด้วยตามเสนอทุกอย่าง ไม่รู้ว่าคนสนิทตัวเองไปประเมินเพื่อนจริงหรือไม่ ใช้เกณฑ์และกระบวนการได้มาตรฐานหรือเปล่าก็ไม่รู้............น่าจะทำวิจัยในเรื่องนี้กันบ้างนะ.......
ท่านคิดเห็นอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ.......
|