http://www.sisaketedu1.go.th/ | หน้าแรก
       

ครู คือ ปูชนียบุคคล อย่าสอนแต่ผู้อื่น...โดยลืมสอนตนเอง
     
 

ดย ดร.สุรชัย พรหมพันธุ์

ครู...เป็นฐานของการให้ความรู้และการศึกษาสถานะความเป็นครูไม่สามารถไล่เรียงลำดับได้ว่าเกิดขึ้นในสมัยใด แต่วิถีของความเป็นครูที่ฝังในมโนจิตสำนึก มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ต่างเห็นพ้องกันว่า ครู คือ ผู้ให้คำว่าผู้ให้...ถือเป็นความใหญ่ยิ่งในโลก ผู้ให้นั้นย่อมเป็นที่รัก อยู่เสมอ
แต่การให้ของครูนั้น เน้นย้ำต่อวิชาความรู้ที่เต็มไปด้วยสายใยแห่งความปรารถนาดีเป็นเป้าหมายหลัก ที่จะให้ศิษย์มีวิชานำไปประกอบการดำรงอยู่ของชีวิต เพื่อความมั่นคง ที่ดีในอนาคต
วิชาในแต่ละยุคสมัยนั้นแตกต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อมของสังคมในสมัยนั้นๆ เป็นปัจจัยนำพา รูปแบบการสอนสั่งจึงแตกต่างกันไปตามยุคสมัย เช่นเดียวกัน
ในอดีตสำหรับสังคมไทยนั้น วัดเป็นเสาหลักของชุมชน ที่ถูกยึดถือว่าแหล่งที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ โดยมีพระทำหน้าที่เป็นครูผู้ถ่ายทอด สายใยระหว่างวัดและบ้านจึงมีความ ผูกแน่นในความเชื่อมสัมพันธ์ จนสามารถยกบทบาทความ เป็นครูให้โดดเด่นและศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสังคมมีพัฒนาการในระบบการศึกษามากขึ้น พระที่ ทำหน้าที่เป็นครูจึงส่งไม้ต่อให้ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นครูจริงๆ
ครูในอดีตนั้นไม่มีวิถีที่เรียกอามิสสินจ้างกับลูกศิษย์ และบางครั้งต้องเลี้ยงข้าวปลาอาหารแก่ลูกศิษย์ด้วยซ้ำ แต่ สิ่งตอบแทนที่บรรดาครูเหล่านั้นได้รับคือ...
ฐานะทางสังคมที่สูงกว่าคนอื่นๆ ในชุมชน เป็นที่นับหน้าถือตา และเป็นเสมือนผู้นำชุมชนคนหนึ่ง และวัฒนธรรมการนับถือครูก็สืบทอดกันมาในสังคมไทยจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นมีคำกล่าวที่ว่า...โรงเรียนเป็นบ้านหลังที่สองของชีวิต จึงเป็นความจริงสำหรับอดีตมาตลอด
สำหรับสังคมในยุคปัจจุบัน ประชากรมีจำนวนที่เพิ่มมากหลายเท่าทวีคูณ และโลกมีพัฒนาการความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ที่ทำให้การติดต่อกันระหว่างคนในสังคมนั้นสะดวกสบาย
จึงเป็นเหตุให้ประชากรในสังคมต้องมีวิถีชีวิตดิ้นรน และต้องแข่งขันกันตลอดเวลาเพื่อความอยู่รอดของชีวิต
วิถีชีวิตของครูนั้น ก็ไม่พ้นเส้นทางการแข่งขันเพื่อการดำรงอยู่รอดของชีวิตเช่นเดียวกัน ครู...จึงกลายเป็นหนึ่งในทางเลือกของอาชีพสำหรับการทำมาหากิน
บทบาทการเป็นผู้ให้ จึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นบทบาทของอาชีพระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง โดยมีสินค้าที่ต้องปฏิบัติ คือ นักเรียน
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า...การจะหาสายใยแห่งความปรารถนาดี ด้วยวิญญาณแห่งความเป็นครู จึงหาได้อย่างยากเย็นยิ่งนัก
ดังนั้น อาชีพเสริมของครูยุคใหม่จึงเกิดเบ่งบานให้เห็นเป็นดอกเห็ดอย่างมากมาย เพราะด้วยการเข้าสู่อาชีพครูนั้น สร้างรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิต จำเป็นต้องกู้เงินสร้างหนี้เพื่อการอยู่รอดของชีวิตไปวันๆ
อาชีพขายประกัน หรือขายตรงในสินค้าต่างๆ นานา หรือเลยเถิดไปใช้ช่องทางสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นมือการค้ากำไร โดยเป็นยี่ปั้ว ซาปั้วขายสลากกินแบ่งรัฐบาลให้แก่สมาชิกที่เป็นครู
สำหรับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนั้น ถือเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครูโรงเรียนรัฐบาลทั่วประเทศ เป็นเสมือนแหล่งทุนใหญ่ที่ทำให้ครูซึ่งมีเงินเดือนน้อยหายใจคล่องขึ้นมาบ้าง
ดังนั้น...เมื่อคุณภาพชีวิตความเป็นครูของตนเองถูกเบียดบังไปด้วยความไม่พอของรายได้ จึงมีคำถามว่า แล้วจะพัฒนาความเป็นผู้มีคุณภาพในวิชาชีพได้อย่างไร
ต้องถือเป็นวาระของรัฐบาลและโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการที่ต้องตอกย้ำต่ออาชีพครู มากกว่าที่ต้องมานั่งทะเลาะกันเรื่องหวงงาน หรือผลประโยชน์ในงานที่ใครจะได้รับมากกว่ากันและเมื่ออ่านเรื่องที่คุรุสภายื่นข้อเสนอต่อนายกฯ กำหนดให้ปี 2555 การศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมผลักดัน 6 ยุทธศาสตร์สำคัญได้แก่ 1. ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 2. เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถาบันสังคมอื่นในการจัดการศึกษา
3. ผลักดันให้นักการศึกษามีบทบาทในการบริหารกระทรวงศึกษาธิการ
4. พัฒนาการบริหารจัดการหน่วยงานทางการศึกษาสู่มาตรฐานสากล
5. บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาให้มีประสิทธิภาพ
6. มุ่งนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้เพื่อพัฒนาการศึกษา
มีสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การมุ่งเน้นให้ความสำคัญระบบงาน จะทำอย่างไรให้การศึกษาขยายตัวได้กว้างไกลไปทุกระดับ และสามารถยกสู่ความเป็นมาตรฐานสากล
แต่วันนี้...ถ้าครูผู้สอนรายรับไม่สมดุลกับรายจ่าย ข้าราชการครูที่มีจำนวน 650,000 คน ในจำนวนนี้มีครูเป็นหนี้รวมแล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท แล้วจะให้ระบบการศึกษาสำเร็จผลได้อย่างไร
ก็ถือเป็นการบ้านของรัฐบาล รวมทั้งกระทรวงศึกษาธิการที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีอาชีพเป็นครู ซึ่งท่านจำเป็นต้องหาทางออกคุณภาพชีวิตของตนเองให้เจอเสียก่อน ปลดทิฐิในความเห็น และเคยชินแต่การสอนผู้อื่น โดยลืมสอนตนเอง
แล้วเชื่อว่าต่อนี้ไป..คุณภาพชีวิตของผู้อื่น จะได้รับแม่แบบที่มีคุณภาพจริงๆ จากการเป็นปูชนียบุคคล(ที่ไม่ใช่ปูหรือชนีอย่างที่พระท่านเปรียบเปรย) อย่างแน่นอน
เมื่อคุณภาพชีวิตความเป็นครูของตนเองถูกเบียดบังไปด้วยความไม่พอของรายได้ จึงมีคำถามว่า แล้วจะพัฒนาความเป็นผู้มีคุณภาพในวิชาชีพได้อย่างไร

 
     
      By : อาฉี      (125.26.79.*)  19/02/2012 07:12 AM  
 
 
 
  ความคิดเห็นที่: 1  
     
  กิ๊ก
เหล้า
บุหรี่
ครูรู้หมดว่ามันไม่ดี
แต่บางครั้ง...ครูก็อดไม่ได้
 
     
    By: อาวรณ์      (125.26.78.*) 19/02/2012 08:58 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 2  
     
  กะมันแซบมันนัวน๊ออาว  
     
    By: ฮย่าม      (125.26.78.*) 20/02/2012 07:03 AM
 


     
 
       
ชื่อ ::
  *
  รหัส ::   (เฉพาะสมาชิก)
 
อีเมล์ ::
  (สมาชิกไม่ต้องกรอก)
     
Insert Bold text Insert Italicized text Insert Underlined text Insert Centered text Insert a Hyperlink Insert Email Hyerplink Insert an Image Insert Code Formatted text Insert Quoted text
 
รายละเอียด ::
  *
  ใส่รูปแสดงอาการ ::   Confused Idea Smile Wink Coool Love It Cry Devil Kiss Yum Big Grin Smiley Razz Brow
Blue Smile Ek Frusty Eek Weird Look Bawling Angry Fire Red Face Eplus Uh Oh Crying Sinister Tongue Roll Eyes
 
รูปประกอบ ::
  ไม่เกิน 50 Kb
       
     
 
     
 
 Search Word:
Support by http://www.sisaketedu1.go.th
This programe support PHP 4, MySQL Developer by NOKESTUDIO In Thailand
NINEBOARD Vol 3.0 Copyright © 2001-2002 NINETO SOLUTION All Rights Reserved.