หลายยุคมาแล้วที่การปราบปรามยาเสพติด ของรัฐแต่ละยุคแตกต่างกันออกไป 1. แบบเอาเป็นเอาตาย : ผลออกมาคือถูกกล่าวหาว่าฆ่าตัดตอน ละเมิดสิทธิมนุษยชน ทำตนเยี่ยงมาเฟียด้านสิทธิมนุษยชน จนเป็นประเด็นล้มรัฐบาลได้เห็นๆ มาแล้ว 2. แบบพอเป็นพิธี: ผลออกมาคือไม่ถูกต่อต้านจากคนบางกลุ่ม ผู้ติดผู้ค้ายา ผู้ค้ากลับเพิ่มขึ้น ยาบ้าเต็มบ้านเต็มเมืองเป็นภาระให้บ้านเมือง ผลาญงบประมาณมากกว่าแสนล้านในแต่ละปี พ่อแม่ผู้ปกครองเดือดร้อน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาได้อะไรจากการปกป้องคนกลุ่มนี้ รึว่าลูก พ่อแม่ ญาติพี่น้องเขาอยู่ในวงการนี้ หวง ห่วง กันนักกันหนา (สร้างภาพกันรึเปล่า) 3. แบบค่อยเป็นค่อยไป : ปรับแก้ใช้กฎหมายควบคู่ความมุ่งมั่นไม่หยุดยั้ง ให้รางวัลผู้ปฏิบัติตามสมควร
คนที่เคยค้ายาเสพติด ไม่มีวันคิดจะเลิกไม่ต่างจากคนที่เคยสูบบุหรี่ จับมาแล้ว ออกจากคุกก็หวนทำอีก คนที่ห่วงชีวิตคนกลุ่มนี้ห่วงจริงรึเปล่า หรือดึงดันเอาโอกาสเพื่อเอาชนะทางการเมืองเท่านั้น ถามว่าคนที่ติด- ค้ายา ทำประโยชน์เพื่อบ้านเมืองมากเท่าไร่ กลับสร้างภาระให้บ้านเมืองไม่จบสิ้น แล้วท่านห่วงอะไรกันนักกันหนา ปัจจุบันพวกค้าพวกเสพกลายเป็นคนดื้อยา สามปีที่ผ่านมา ยาเสพติดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด หากเทียบวิธีการทั้ง 3 รูปแบบแล้วท่านสนับสนุนแบบใด
|