ทางออกประเทศไทยในวิกฤตประเทศไทย ภาคพลเมือง
วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๓
ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น ๔ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
การสัมมนาแสดงความคิดเห็นจากเครือข่ายประชาชนทั่วประเทศ ๗๖ จังหวัด เปิดการสัมมนาโดย ศ.ดร.สุจิต บุญบงการ ประธานสภาพัฒนาการเมือง หลังการเปิดการสัมมนา ศ.ดร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้บรรยายพิเศษ และเปิดโอกาสให้เครือข่ายประชาชนได้แสดงความคิดเห็นเรื่อง ทางออกประเทศไทยในวิกฤตประเทศไทย
จากการสัมมนาแสดงความคิดเห็นจากเครือข่ายกว่า ๑๐๐ จากทั่วประเทศมองปัญหาที่เกิดขึ้นที่ราชประสงค์ไม่ใช่ปัญหาการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาของชาติที่ร่วมกันอยู่สามส่วน คือปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชน ปัญหาส่วนบุคคล และปัญหาการเมืองวิกฤติที่เกิดขึ้นจึงเป็นปรากฏการณ์พัฒนาการทางประชาธิปไตยที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งมักจะเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ที่ประชุมมีความเห็นตรงกันใน ๒ ประเด็นคือ
ประเด็นที่ ๑ สภาวะวิกฤตบ้านเมืองมีสาเหตุจากปัจจัยต่าง ๆดังนี้
- โครงสร้างทางการเมืองไทยเอื้อประโยชน์ต่อระบบทุนนิยม นักการเมืองตกอยู่ภายใต้อำนาจทุน
- ไม่มีความเป็นธรรมในการจัดสรรทรัพยากรและการเข้าถึงทรัพยากรของชาติ ผู้มีอำนาจทุนเป็นผู้ที่ใช้และเข้าถึงทรัพยากร ประชาชนทั่วไปไม่มีสิทธิเข้าถึง
- ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐ
- ขาดความเป็นธรรมด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในสังคม
- ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสำคัญของรัฐ
จากปัญหาและสาเหตุต่าง ๆ ทำให้เกิดการเรียกร้องของกลุ่มคน ๓ กลุ่มในเวทีเดียวกัน คือ กลุ่มการเมือง เพื่อเอาชนะเงื่อนไขทางการเมือง กลุ่มที่ ๒ กลุ่มผลประโยชน์ส่วนตัวและข้าราชการบางส่วน เพื่อเรียกร้องสิทธิ และผลประโยชน์กลับคืน และกลุ่มที่ ๓ กลุ่มประชาชน ที่เรียกร้องสิทธิความเป็นธรรมที่รัฐบาลประชาธิปไตยพึงจัดให้และควบคุมดำเนินการไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ประเด็นที่ ๒ แนวทางการแก้ไขปัญหาของชาติในระยะสั้นและระยะยาวแบบถาวร
แนวทางการแก้ปัญหาระยะสั้น
-งดเว้นการใช้ความรุนแรงและงดเว้นการยั่วยุใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงขี้น
-ให้รัฐบังคับใช้กฎหมายและให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายอย่างเคร่งครัด
-ให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าเจรจาด้วยความจริงใจโดยไม่ยิบยกเงื่อนไขส่วนตัวใด ๆ มาเจรจา นอกจากความสงบสุขของบ้านเมือง
-ร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหารใด ๆขึ้นเด็ดขาด
แนวทางการแก้ปัญหาชาติระยะยาวแบบถาวร
๑ จัดตั้งสภาปฏิรูปการเมืองใหม่โดยประชาชนทุกภาคส่วนของประเทศโดยกำหนดสาระสำคัญดังนี้
-แก้ไขกฎหมายให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายสาธารณะ
-เพิ่มสิทธิให้ทุกคนส่วนร่วมทางการเมืองโดยไม่กำหนดวุฒิการศึกษาสถานะ และอาชีพ กำหนดกรอบและวิธีการแสดงประชามติให้ชัดเจน และให้ผลการแสดงประชามติมีผลเด็ดขาด และผูกพันกับคณะรัฐมนตรี
๒ พัฒนาระบบเศรษฐกิจและบริการสาธารณะให้ถึงประชาชนอย่างทั่วถึงไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันระหว่างคนจน คนรวย
๓ สร้างความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและการกระจายรายได้ กำหนดอัตราค่าจ้างที่เป็นธรรม คุ้มครองสิทธิและสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย คนเมือง ผู้ใช้แรงงานผู้ไร้ที่อยู่อาศัยไร้ที่ทำกิน ปรับอัตราการจัดเก็บภาษีอากรแบบก้าวหน้า ผู้มีรายได้มาก มรดกมาก ต้องมีหน้าที่แบกรับภาระภาษีมากกว่าผู้มีรายได้น้อย
๔ จัดสวัสดิการทางสังคมอย่างทั่วถึงในรูปแบบรัฐสวัสดิการ
๕ ส่งเสริมความเข้มแข็งขององค์กรภาคประชาชน โดยการสนับสนุนงบประมาณ ให้โอกาสแสดงความเห็น และจัดให้มีสภาประชาชนระดับชาติทำหน้าที่กำกับดูแลการกำหนดนโยบาย การดำเนินการตามนบายของรัฐ สามารถให้ข้อเสนอแนะ ทักท้วงในเรื่องที่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ
๖ ส่งเสริมและพัฒนาองค์กรอิสระให้มีประสิทธิภาพ ตัด***ส่วนขององคณะบุคลภาคตัวแทนพรรคการเมืองออกจากองค์กรอิสระเพิ่มตัวแทนภาคประชาชน ปรับปรุงกระบวนการสรรหาให้เกิดความเที่ยงธรรมและเกิดความมั่นใจจากทุกฝ่าย จัดตั้งศาลเลือกตั้งเพื่อพิจารณาการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยเฉพาะ
๗ บริหารจัดการสื่อสาธารณะให้ประชาชนได้เข้าถึง และนำเสนอข้อมูลข่าวสารครอบคลุมทุกด้าน สร่งเสริมจรรยาบรรณวิชาชีพเปิดโอกาสให้ภาคประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
๘ กำหนดมาตรการทางนโยบาย ออกกฎหมายเพื่อให้สิทธิชุมชนและคุ้มครองสุทธิประชาชนคนไทยทุกคน กฎหมายใดขัดหรือละเมิดสิทธิประชาชนให้ถือว่าไม่มีผลบังคับใช้
๙ ปฏิรูปที่ดินอย่างจริงจังให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเกษตรกรและผู้ไร้ที่ทำกินไร้ที่อยู่อาศัย ให้แล้วเสร็จโดยด่วนโดยให้ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นธรรมจัดเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า
๑๐ กระจายอำนาจ แก้ไขกฎหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาจากการเลือกตั้ง ปรับปรุงสิทธิของประชาชนในเรื่องการรวบรวมรายชื่อถอดถอนผู้บริหารและสมาชิกในระดับท้องถิ่น และภูมิภาค
๑๑ จัดตั้งองค์กรอิสระคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค
๑๒ ปรับระบบการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่นให้มีประสิทธิภาพ ให้ถือว่าประชาชนเป็นผู้เสียหายโดยตรงปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริต ให้มีบทลงโทษที่หนักขึ้นมีบทลงโทษการยึดทรัพย์ และไม่ให้กำหนดวันสิ้นสุดอายุความ
๑๓ ส่งเสริมเกษตรกร ให้ระบบเกษตรกรรมยั่งยืนให้ตัวแทนเกษตรกรมีส่วนร่วมบริหารจัดการตลาดสินค้าการเกษตร
๑๔ เร่งสร้างสันติภาพในภาคใต้
บทสรุปจากการสัมมนาจะเป็นแนวทางในการจัดทำแผนดำเนินการปฏิรูปประเทศไทย โดยสภาพัฒนาการเมือง เครือข่ายภาคประชาชน และคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนในโอกาสต่อไป
|