ลูกจ้างทั่วไทยงานเข้า จ่อตกงาน 6 แสนคน หลังเงินงบประมาณค่าจ้างเงินเดือน-งบชำระหนี้พุ่งสูงลิ่ว รองนายกฯสามสีชง ครม. เริ่มปีงบประมาณปี 56 เป็นต้นไป สั่งทุกหน่วยงานทำแผนส่งโดยเร็วที่สุด ระบุอีก 10 ปีงบพุ่งทะลุ 2 ล้านล้านบาท หวั่นไม่มีเงินลงทุนพัฒนาประเทศ พร้อมเปลี่ยนเงื่อนไขเออร์ลี่รีไทร์ใหม่ ชี้ให้เฉพาะที่เหลืออายุราชการแค่ 2 ปีเท่านั้น หวังลดภาระงบประมาณลง คาดปี 52 มีข้าราชการเข้าโครงการ 13,883 คน
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) มีมติให้ ลดจำนวนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐทั่ว ประเทศลง 30% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2 ล้านคน หรือลดลงประมาณ 6 แสนคน เนื่องจากเกรงว่าหากไม่มีการควบคุมจำนวนข้าราชการที่ชัดเจน จะทำให้รัฐบาลไม่มีงบประมาณมาลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 2562 วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำที่ใช้เป็นเงินเดือนค่าจ้างและค่าใช้จ่ายอื่นรวม ถึงงบชำระหนี้จะพุ่งสูงถึง 1.8-2 ล้านล้านบาท โดยจะเสนอ ให้ครม.พิจารณาเห็นชอบในเร็ว ๆ นี้
นายไตรรงค์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ทุกส่วนราชการไปจัดทำโครงการเพื่อปรับลดอัตรากำลังของตนเองลง ให้ได้ 30% และกำหนดให้เริ่มดำเนินการภายใน 3 ปี จากนี้ หรือภายในปีงบประมาณ 2556 แต่ละส่วนราชการต้องมีแผนให้ชัดเจนว่าในแต่ละหน่วยงานจะปรับลดจำนวนข้า ราชการลงได้อย่างไร เพราะส่วนราชการจะเป็นผู้รู้ดีที่สุดว่าหน่วยงานใดต้องการกำลังคนเท่าใด ยืนยันว่าแม้จะลดกำลังคนลง 30% แต่ผลการทำงานของภาคราชการจะไม่ลดลงตามไปด้วยแน่นอนเพราะ ปัจจุบันต้องยอมรับ ว่าราชการบางส่วนทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว
งบประมาณรายจ่ายประจำโดย เฉพาะเงินเดือนค่าจ้าง รวมกับงบชำระหนี้ในแต่ละปี สูงถึง 40% หากยังปล่อยให้เป็นต่อไปเช่นนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้าประเทศไทยจะไม่มีเงินนำมาลงทุนสร้างระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็น สำหรับการพัฒนาประเทศ ทั้งถนน โรงเรียน หรือโรงพยาบาล หรือแม้แต่เงินจะซ่อมแซมยังไม่ มีพอที่จะนำไปซ่อมแซม ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องตระหนักและให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน
นายไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า คปร.ยังเห็นชอบให้ปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำหรับ ข้าราชการที่จะเข้าโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด หรือเออร์ลี่รีไทร์ จากเดิมที่กำหนดให้ต้องมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป หรือทำงานราชการมาแล้ว 25 ปี เป็นต้องมีอายุราชการเหลืออยู่ไม่เกิน 2 ปี เท่านั้น เพื่อประหยัดงบประมาณรายจ่ายที่ในแต่ละปีจะมีผู้เข้าร่วมโครงการเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นคน คิดเป็นวงเงินเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 นี้เป็นต้นไป เช่นกรณีที่ข้าราชการมีอายุ 58 ปี ที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ต้องทำเรื่องเพื่อขอเออร์ลี่รีไทร์ต่อต้นสังกัดภาย ในปีงบประมาณ 2553 หรือก่อนวันที่ 30 ก.ย. 2553 เท่านั้นจึงจะมีสิทธิเข้าร่วมโครงการได้ นอกจากนี้ คปร.ยังเห็นชอบให้ส่วนราชการ ต้องคืนอัตรากำลังข้าราชการที่เกษียณอายุราชการ ในปีงบประมาณ 2553 คือภายในวันที่ 30 ก.ย.ให้กับ คปร.เพราะจะได้นำเงินงบประมาณจากอัตรากำลังไปจัดสรรให้กับหน่วยงานอื่นต่อไปตามความจำเป็นอีกด้วย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า สำหรับเงินงบประมาณในปี 2553 จำนวน 1.7 ล้านล้านบาท นั้นแยกเป็นงบบุคลากร ซึ่งหมายถึงรายจ่ายประเภท เงินเดือน ค่าจ้างประจำ ค่าจ้างชั่วคราว ค่าตอบแทนพนักงานราชการ วงเงิน 474,489 ล้านบาท หรือคิดเป็น 27.9% ขณะที่ในปีงบประมาณ 2552 มีงบบุคลากร 478,212.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.5% ส่วนจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการเออร์ลี่รีไทร์ประจำปีงบประมาณ 2552 ซึ่งจะมีผลในปีงบประมาณ 2553 จำนวน 13,883 คน คาดว่าจะใช้งบประมาณ 7,590.9 ล้านบาท แยกเป็นการจ่ายเงินบำเหน็จ 1,579.1 ล้านบาท จ่ายเงินบำนาญ 2,072 ล้านบาท และค่าบำเหน็จดำรงชีพ 2,718.6 ล้านบาท.
ที่มา - เดลินิวส์ออนไลน์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=61721 |