หากพูดถึงการศึกษา ความหมายตามนัยที่ผมยึด คือ การศึกษาคือชีวิต แปลความตามความเข้าใจหมายถึง การศึกษาคือการเรียนรู้หรือการหาประสบการณ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งถ้าหากมองตามเป้าหมายหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2551 ที่กำหนดไว้ว่า เก่ง ดี และมีสุข นั่นก็น่าจะหมายความว่าการศึกษามุ่งสร้างให้คนเป็นคนดี มีปัญญายาเพื่อนำพาให้เกิดความสันติสุขต่อตนเองและสังคม โดยการวัดและประเมินผลนั้นจะต้องให้ดำเนินการทั้งด้านความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และเจตคติ และเป็นไปตามสภาพจริง จากหลักดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการศึกษาของไทยยังไม่บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่มีผลสรุปของการเปรียบเทียบคุณภาพการศึกษา ของประเทศไทยกับประเทศลาวที่บอกว่า คุณภาพการศึกษาของไทยดีกว่าลาว ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่าเขาดูกันอย่างไร เอามาตรฐานอะไรมาจับ เพราะแต่ละประเทศย่อมจะมีมาตรฐาน หรือแนวทางการพัฒนาคุณภาพประชากรเพื่อไปสู่เป้าหมายเป็นของตนเอง ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพบริบทหรือแนวปรัชญาที่ยึดตามกลยุทธ์ที่เป็นของตนเอง แต่ก็มุ่งเป้าหมายอันเดียวกัน คือจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพประชากรให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างสันติสุข ซึ่งคำว่า สันติสุข ก็คือ สงบสุขนั่นเอง หากพูดถึงความสงบสุขแล้วตามที่ผมได้ไปสัมผัสวิถีชีวิตของคนประเทศลาว มีความรู้สึกว่าลาวสงบสุขกว่าไทย หากมองจากแนวการวัดและประเมินผล ผมมองว่า ในด้านความรู้ก็ไม่อาจบอกได้ว่าไทย - ลาวใครเก่งกว่ากัน ไทยเก่งวิชาการหรือด้านเทคโนโลยีเป็นการเรียนรู้เพื่อเอาชนะคนอื่น เนื่องจากเป็นการยึดหลักวัตถุนิยม แต่ลาวอาจเก่งกว่าไทยในเรื่องการรู้จักตัวเองว่าควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือเกิดความสันติสุข เป็นการรู้เพื่อเอาชนะกิเลสหรือชนะใจตนเอง เพราะยึดหลักธรรมนิยมหรือคตินิยม หากมองด้านทักษะไทยอาจเก่งการใช้คอมพิวเตอร์ในการคิดคำนวณ แต่เราอาจเก่งการคิดในใจก็เป็นการเก่งกันคนละแบบ และหากมองทางด้านเจตคติซึ่งต้องสังเกตดูจากการประพฤติตน ความมีระเบียบวินัย และค่านิยมที่พึงประสงค์แล้วผมว่าลาวน่าจะกินขาด หรือหากมองตามหลักการเก็บข้อมูลการวิจัยเชิงคุณภาพต้องให้สอดคล้องตามสภาพจริงมากที่สุด โดยต้องใช้วิธีการหลายรูปแบบ หลายช่วงเวลา หลายสถานการณ์ จึงจะได้ข้อมูลที่เที่ยงตรงแม่ยำและมีความเชื่อมั่นสูง แต่หากวัดโดยใช้แบบทดสอบอย่างเดียว โดยใช้ช่วงระยะเวลาเดียวแล้ว ก็ไม่อาจจะตัดสินคุณภาพที่แท้จริงได้ และหากจะดูผลลัพธ์ที่เกิดกับผลผลิตตามเป้าหมายสุดท้ายของหลักสูตร ที่ว่า มีความสุข ก็ต้องดูว่าประชากรผู้ซึ่งเป็นผลผลิตของการศึกษานั้นดำรงตนอยู่อย่างมีความสุขเพียงใด โดยอาจสังเกตสภาพของการปลอดจากปัญหาด้านต่างๆ เช่นปัญหาทางเพศ ปัญหายาเสพติด ปัญหาความขัดแย้ง ทะเลาะวิวาท ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาหนี้สินภาครัฐ-ครัวเรือนและอื่นๆ นี่คือการประมวลตัวชี้วัดตามแนวความคิดของผมเอง ส่วนท่านคิด ตัดสินอย่างไรระหว่างคุณภาพการศึกษาไทยกับลาว ปัจจุบันการจัดการศึกษาของไทยเป็นแบบ การศึกษาคือชีวิต (เรียนเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน) หรือ ชีวิตคือการศึกษา (เรียนแต่ไม่ได้ใช้) ท่านมองฝากคิดและแลกเปลี่ยนความคิดครับ |