|
ความคิดเห็นที่: 3 |
|
|
|
|
|
ครับ มีหลายท่านนำคำพูดที่ว่า คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว แต่ถ้ามันผ่านมาแล้ว ไม่ว่าจะแก้ตัวหรือแก้ไข ก็อยากเป็นคนดีกับเขาก็ขอยอมรับผิดไว้ก่อนครับ ว่ามันบกพร่อง โดยไม่เจตนา ถ้าจะบอกว่าแก้ตัวก็ต้องยอมรับ อย่างผมรับงานช่วยท่านที่โทรมาบอกว่า ให้เปิดห้องคอมพิวเตอร์บริการแข่งขันคอมพิวเตอร์ คำสั่งก็ไม่เห็น เป็นเพียงคำบอกกล่าวต่อๆมาว่า ห้องคอมที่ผมอยู่น่ะเป็นห้องคอม1น่ะ ดูตารางกิจกรรมก็ไม่มีว่าห้องคอม1ของโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ และมีคนถามว่าห้องคอม2,3,4อยู่ตรงไหน ก็เพราะ โรงเรียนอนุบาลก็คงไม่ทราบว่า หลายวิชาใช้โรงเรียนเป็นสถานที่แข่งขัน มารู้คำสั่งหรือโทรมาบอกตอนเย็นแล้วพรุ่งนี้เช้าก็เปิดห้อง ก็ไม่อยากตำหนิใครๆ เพราะที่กล่าวมาเขาก็บ่นกันทั้งจังหวัด ถ้าจะแถมเข้าไปอีกก็จะเป็นการเพิ่มเติม เป็นว่า ช่วยกันปรองดองน่ะครับ ทุกคนจัดงานก็อยากให้ดี ให้สำเร็จ และไม่มีใครอยากโดนตำหนิ เมื่อมันเกิดไปแล้ว ก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน ครั้งต่อไปเราก็จะได้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข
วันอาทิตย์ที่แล้ว สถานธรรมแห่งหนึ่งเชิญผมไปร่วมสนทนา
เหล่าซือท่านเล่านิทานให้ฟังว่า มีครอบครัวหนึ่งทะเลาะกันทุกวัน แต่ครอบครัวอีกครอบครัวหนึ่งอยู่บ้านตรงข้าม ไม่เคยเห็นทะเลาะกันเลย สองผัวเมียก็เลยไปแอบฟัง แอบดู มีตา ยาย ลูกสะไภ้และหลาน กำลังทานอาหาร ตาก็เอาขวดนมไปวางเก้าอี้ ยายมานั่งโดนขวดนมตกแตก ปรากฏว่า คุณตาบอกว่าฉันผิดเองที่วางขวดไม่ถูกที่ ส่วนยายก็รับว่าฉันผิดเองนั่งไม่ระวัง ส่วนลูกสะไภ้ก็บอกว่า ฉันผิดเอง ที่ไม่เลี้ยงลูกเอง ต้องทำให้ผิดพลาด เหล่าซือ ท่านสรุปว่า ครอบครัวนี้ไม่ผิดกันเลยไม่ทะเลาะเพราะต่างคนก็พิจารณาตัวเองและแย่งกันรับผิด ไม่เหมือน ครอบครัวที่ไปแอบดู มัวแต่โทษกัน ผัวก็โทษ เมีย เมียก็โทษผัว ก็ทะเลาะกันไม่หยุด
เป็นคำสอนจากสถานธรรมไต้หวัน ฟังแล้วก็เข้าที ดีไหมครับ |
|
|
|
|
|
By: ซุนย้ง แซ่เตียว (101.51.44.*) 31/08/2011 06:14 PM |
|