โค้ชกีฬามวยปล้ำ โวยรพ.ศรีสะเกษ ตรวจครรภ์ภรรยา ระบุมีลูกแค่ 1 คน พอแท้งเจอถึง 3 คน ไม่พอใจรพ.ปล่อยเมียทนเจ็บครรภ์จนแท้งเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ตัวแทนรพ.รับเสียใจและเป็นเหตุสุดวิสัย ขณะที่ญาติเตรียมฟ้อง ถ้ารพ.ไม่รับผิดชอบ...
7 เม.ย. นายสุนันท์ นุ่นสังข์ อายุ 28 ปี พร้อมด้วยนางปราณี นุ่นสังข์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 10 โรงเรียนกีฬาศรีสะเกษ ต.โพธิ์ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ สองสามีภรรยาได้ร้องเรียนต่อสื่อมวลชน กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรพ.ศรีสะเกษ จนเป็นสาเหตุให้ต้องสูญเสียลูกที่ภรรยาตั้งครรภ์ฝาแฝด 3 คน แต่ต้องคลอดก่อนกำหนด และเสียชีวิตทั้ง 3 คน
โดยนางปราณี กล่าวว่า ตนตั้งครรภ์เป็นท้องแรกในชีวิต และได้มาฝากท้องกับรพ.ศรีสะเกษ ซึ่งตามกำหนดคลอดที่หมอนัดคือวันที่ 18 ส.ค.53 ที่ผ่านมาตนเข้าใจว่า ลูกที่อยู่ในท้องมีเพียงคนเดียวมาโดยตลอด เพราะในวันที่มีการตรวจคลื่นหัวใจเด็กในครรภ์นั้น พยาบาลที่ตรวจบอกว่าพบเด็กในท้องคนเดียว อยู่ทางด้านซ้ายมือของแม่ แต่ในวันที่ไปตรวจอัลตราซาวด์เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ก็ยืนยันว่ามีเด็ก 1 คน เช่นเดียวกัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ เด็กที่ตรวจเจอกลับอยู่ด้านขวามือของแม่ แสดงว่าในการตรวจครรภ์และอุลตราซาวด์นั้น เขาไม่ได้ตรวจทั่วท้อง ทำให้ตนเข้าใจว่ามีลูกคนเดียวเท่านั้น กระทั่งวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนเกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก มาหาหมอที่รพ.ศรีสะเกษ หมอก็ให้ตนเข้าไปนอนอยู่ในห้องพักผู้ป่วยดูอาการ จนสุดท้ายตนก็คลอดลูกออกมา คนแรกเวลาประมาณ 9 โมงเช้า อึดใจต่อมาก็คลอดคนที่ 2 ตามมา พยาบาลก็ตกใจ เพราะนึกว่ามีแค่คนเดียว และเขาก็มากดที่หน้าท้องตน บอกว่าท้องยังแข็งอยู่ ไม่กี่นาทีต่อมาก็คลอดคนที่ 3 ตามมา ซึ่งในระหว่างที่ตนคลอดลูกออกมา พยาบาลได้จับลูกของตนใส่ลงในถุงดำ เห็นแล้วตนน้ำตาไหล ทำใจไม่ได้ที่ต้องมาสูญเสียลูกทั้ง 3 คนในเวลาเดียวกัน และที่สำคัญ ตลอดเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ตนเข้าใจว่ามีลูกเพียงคนเดียว แต่พอมารู้ว่าเป็นแฝดสาม และมาเสียพวกเขาไปพร้อมๆ กันอย่างนี้ ก็ยิ่งทำใจไม่ได้เลย
ด้านนายสุนันท์ ซึ่งเป็นโค้ชกีฬามวยปล้ำทีมจ.ศรีสะเกษ กล่าวถึงเรื่องน่าเสียใจที่สุดในชีวิตว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้จะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าทางโรงพยาบาลจะรับผิดชอบต่อเรื่องนี้อย่างไรบ้าง หากเขาไม่ใส่ใจและไม่สนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเรา ก็จำเป็นที่ตนจะฟ้องร้องเอาผิดต่อความไม่รับผิดชอบของทางโรงพยาบาล เพื่อไม่ให้เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นกับคนอื่นอีก และอยากให้ทางโรงพยาบาลยกระดับมาตรฐานการดูแลคนป่วยให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ขณะที่นพ.ปฏิพล สันธนาคร สูติแพทย์ รพ.ศรีสะเกษ ชี้แจงว่า สำหรับกรณีนี้ คนไข้มาที่โรงพยาบาลประมาณ 3 ทุ่มของวันที่ 3 เม.ย. มาถึงบอกว่ามีอาการปวดท้อง และมีอาการไอ แพทย์ผู้ดูแลได้ตรวจร่างกายและจัดยาให้ตามอาการ และอนุญาตให้กลับบ้านได้ เนื่องจากคนไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่นที่จะบ่งบอกว่าจะแท้งหรือไม่อย่างไรเลย คิดว่าคงจะเกิดจากการเกร็งในช่องท้องจากอาการไอ จากนั้นประมาณเที่ยงคืน คนไข้ได้กลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แพทย์ผู้ดูแลจึงนำไปตรวจภายใน พบว่าปากมดลูกเปิด 4 ซม.แล้ว จึงลงความเห็นว่าน่าจะเป็นอาการแท้งคุกคาม จึงนำตัวคนไข้ไปนอนที่ห้องผู้ป่วยเพื่อรอดูอาการ จนกระทั่ง 9 โมงเช้าของวันที่ 4 เม.ย. คนไข้ก็แท้งลูกคนแรกออกมา น้ำหนัก 500 กรัม ซึ่งตามหลักวิชาการแล้ว หากเด็กที่คลอดออกมาน้ำหนักไม่ถึง 1,000 กรัม จะถือว่าเกิดจากอาการแท้งคุกคาม ต่อมาก็แท้งคนที่ 2 และคนที่ 3 ตามมา ซึ่งทุกคนก็ตกใจ เพราะคิดว่ามีเด็กแค่คนเดียว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ
ส่วนพ.ญ.ราณี คงวัฒนานนท์ สูติแพทย์ ผู้ดูแลการอัลตราซาวด์ของนางปราณี กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าคนไข้มาทำการอัลตราซาวด์ตอนอายุครรภ์ได้ 4 เดือน ซึ่งถือว่าทารกในครรภ์ยังเล็กมาก และจากที่เราดูขนาดของมดลูกก็ไม่โตมาก เหมือนกับการท้องลูกแฝด โดยการอัลตราซาวด์ เราจะดูจากเงาคลื่นที่สแกนได้ จึงมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ซึ่งเราก็เห็นว่ามีคนเดียวจริงๆ กรณีอย่างนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดขึ้นมาหลายรายแล้ว รวมถึงการตรวจความพิการของเด็ก ว่าจะเป็นเพดานโหว่ หรือพิการส่วนอื่นหรือไม่ ตรงนี้ก็ดูยากมาก ไม่ว่าทารกในครรภ์จะมีคนเดียว หรือจะเป็นแฝด ทางโรงพยาบาลเราก็ให้การดูแล และนัดมาตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน
ด้านนพ.อุดม เพชรภูวดี รองผอ.รพ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวทางเราได้เชิญคนไข้และญาติมารับฟังการชี้แจงแล้ว ซึ่งในหลักวิชาการก็เข้าใจ และไม่ติดใจเอาความแล้ว แต่เชื่อว่าสิ่งที่คนไข้และญาติยังติดใจคือ คำพูดของพยาบาลที่อาจจะพูดจาไม่สุภาพบ้าง เนื่องจากคนไข้มีจำนวนมาก อาจจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ซึ่งเรื่องนี้ตนก็จะรับฟัง จะนำไปปรับปรุงและพัฒนาด้านการให้บริการ ไม่ให้เรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้นอีก
|