ชื่อเรื่อง การพัฒนาการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ผู้วิจัย นายปริญญา นามวงษ์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ก่อนและหลังเรียนด้วยการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ก่อนและหลังเรียนด้วยการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ รวมทั้งเพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง
กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนบ้าน
ยางชุมใหญ่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 18 คน ด้วยวิธีเลือกแบบเจาะจง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยยึดรูปแบบการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ ประกอบด้วยเนื้อหาสาระและมาตรฐานการเรียนรู้
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน
บ้านยางชุมใหญ่ ช่วงชั้นที่ 2 และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 พออยู่พอกิน เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง ส่วนที่สองคือ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นแบบปรนัย จำนวน 40 ข้อ ใช้ทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยการสอนแบบร่วมมือกันเรียนรู้ โดยมีค่าความยากง่าย (p) ระหว่าง 0.28-0.78 ค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.28-0.71 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 และส่วนที่สาม คือ แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 1 ฉบับ มี 10 ข้อ เป็นแบบมาตรฐานส่วนประมาณค่า 5 ระดับ โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) ระหว่าง 0.6-1.0 ค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.21-0.73 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.81 จัดอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
รูปแบบในการวิจัยครั้งนี้ใช้เป็นการทดลองแบบ One-Group Pretest-Posttest Design สถิติที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล และการทดสอบหาค่า t-test
ผลการวิจัยพบว่า
1.นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 82.13
หลังเรียนด้วยรูปแบบการร่วมมือกันเรียนรู้ เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
2.ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เรื่อง เศรษฐกิจท้องถิ่นพออยู่พอกินแบบพอเพียง ก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการร่วมมือกันเรียนรู้ มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3.นักเรียนมีระดับความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยรูปแบบการร่วมมือกันเรียนรู้ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.76
|