http://www.sisaketedu1.go.th/ | หน้าแรก
       

ช่วยกันวิพากษ์ด้วย
     
 

นายชินภัทร ล้างอาย O-Net เริ่มต้นปีการศึกษาหน้า ให้โรงเรียนจับเด็กมาเตรียมความพร้อม
และ ใช้คะแนน O-Net ในการสอบคัดเลือกเรียนต่อ ม.1 และ ม.4 ร้อยละ 20………..รวมทั้งให้มีผู้รับผิดชอบโดยเฉพาะ กรณีที่นักเรียนได้ศูนย์นั้น ครูผู้สอน ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรับผิดชอบ

ขอความเห็นจากท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยกันวิเคราะห์ด้วย ขอขอบคุณค่ะ

 
     
      By : คนโนเนม      (125.26.71.*)  29/04/2011 09:00 AM  
 
 
 
  ความคิดเห็นที่: 1  
     
  ข้อสอบ O-Net ปี 2553 นี้ เป็น ข้อสอบ O-Net แบบสั้น มันวัดอะไรไม่ได้ มากนัก เด็กเก่งได้ ศูนย์ เด็กอ่อนได้คะแนน มากกว่า แสดงว่า ข้อสอบไม่มาตรฐาน ออกไม่ครอบคลุมเนื้อหา ตามหลักสูตร เท่าไรนัก จะเอาคะแนนไปใช้ในการสอบคัดเลือกเรียนต่อ ม.1 ก็เชิญ ขนาดปีนี้ ลูกข้าพเจ้า สอบนอกเขต (โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบล) ได้คะแนนมากกว่าเด็กในเขต ครึ่งต่อครีง ยังไม่ได้เข้าเรียนเลย รมต.ศึกษาธิการ และ ผอ.สทศ. ต้องรับผิดชอบ  
     
    By: ผู้ปกครอง      (125.26.128.*) 29/04/2011 10:24 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 3  
     
  ตังเลขที่ได้.....ผมว่า ควรนำมาแค่ใช้เพื่อการวิพากษ์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเท่านั้นครับ... ไม่ใช่นำมากร้นเพื่อด่าหาคนที่รับผิดชอบ เพราะสุดท้านก็มาลงที่ ครูผู้สอน (ผอ.ด่าอีก)
มันวัดอะไรได้ไม่มากหรอก ตัวอย่างเช่นถ้าตัวเลขสถิติมันวัดได้จริง ข่าว นศ.แพทย์ฆ่าหั่นศพ, นศ.เกียรตินิยมอกหักโดดตึกตาย, นศ.สถาบันดังขายตัว,นศ.มหาวิทยาลัยดังค้ายาบ้า อะไรๆแบบนี้คงไม่มี ตัวเลขมันมีกรอบของมันชั่วขณะเท่านั้น และที่สำคัญหลักสถิติบอกว่ามันมีตัวแปรอื่นๆด้วย ดังนั้นผมคิดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องควรหันมามองใหม่ ไม่ควรเอาอนาคตฝากไว้ที่ตัวเลขนั้น แต่ให้หันมามองดูว่า
1)จำนวนครูเพียงพอหรือไม่
2)ผู้ประกอบวิชาชีพครูมีขวัญและกำลังใจมาน้อยเพียงใด
3)นโยบายที่ให้มานั้นสลับซับซ้อน ซ้ำซาก มั่วซั่ว หรือยากแก่การปฏิบัติหรือไม่(ผมใส่อารมณ์บ้างครับ 55)
5)ภาระงานของครูมากเกินกว่าการสอนหรือเปล่า
6) รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงมีประสบการณ์การทำงานด้านการศึกษามากน้อยเพียงใด (ต่างประเทศที่การศึกษามาตรฐาน 1 ใน 10 เช่น สิงคโปร์ ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น แม้กระทั่งวียดนามผู้ที่จะมาเป็น รมต.ด้านการศึกษา เขาจะมีประสบการณ์ด้านการสอนจากมหาวิทยาลัยมาก่อน ที่สำคัญเป็นครูสอนอนุบาลเสียด้วยเพราะต่างประเทศถือว่าผุ้ที่เก่งคือผู้ที่สอนในระดับปฐมวัยได้...ครับ)

นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่า ประเทศไทยควรหันมามองครับ ...สุดท้ายการศึกษาไทยก็ดูเหมือก้าวไป3 ก้าวแต่เราถอยหลัง 2 ก้าว....ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีก 20 ปีประเทศที่เราจะแข่งขันกับเขาคือ 1) กัมพูชา 2) ประเทศลาว มาเลย์ อินด๊ เวียดนาม พม่าไม่ต้องแข่งเพราะแผนพัฒนาประเทศเขามีเทคโนโลยีนิวเคลียส์แล้วครับ
 
     
    By: ดุษฎีเถื่อน      (118.175.130.*) 29/04/2011 03:39 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 4  
     
  O-Net ปี 2553 วัดอะไรไม่ได้เลย ข้อสอบบ้าอะไร คนเก่งได้ ศูนย์ เด็กอ่อนกลับได้คะแนนมาก นักวิชาการออกข้อสอบควรพิจารณาตนเองด้วย  
     
    By: ครู ป.6      (119.31.28.*) 29/04/2011 04:07 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 5  
     
  เหนือ่ยนะกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือจะเป็นเพราะทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาคาดหว้งไว้สูงเกินไปจนมองข้ามธรรมชาติที่เป็นปกติของคน หลักสูตร 03จบป.4อ่านออกเขียนได้คิดเป็นเขียนถูกและตัวหนังสือสวยด้วย หลักสูตร 21ปรับปรุง 33ก็โอเคหลายท่านที่เป็นครูทุกวันนี้ก็จบหลักสูตรนี่แหละแต่พอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็เละตุ้มเป๊ะหรูแต่กินไม่ได้ผลสุดท้ายก็อย่างที่เห็นเป็นไงไม่มีการซ้ำชั้นกลัวครูละเมิดสิทธิเด็กห้ามใช้ไม้เรียว ห้ามๆๆๆๆจนจิตวิทยาการสอนที่เรียนมากลับคืนไปหาอาจารย์หมดพอผลออกมาก็ดทษกันไปกันมาคนที่เจ็บที่สุดคือ ครู ใช่ไหมพี่น้อง  
     
    By: ขอแจม      (49.230.140.*) 29/04/2011 05:16 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 6  
     
  เสียเวลา เสียเงินงบไปเปล่าๆ มันไม่ใช่ตัวชี้วัดที่แท้จริงหรอกจ้าวนายเอย เมื่อก่อน ยึดว่า คนสอนต้องเป็นคนสอบ เพราะรู้ว่าสอนอะไรไปอย่างไร ต่อมา นักวิชาการชั้นสูง สูงแค่ไหนไม่รู้ ขนาดมองไม่เห็นโน่นมัง บอกว่า ต้องมีมาตรฐาน มันก็เลยเป็นแบบนี้แหละ เจ้าพระคุณ  
     
    By: ครูเก่า      (223.206.126.*) 29/04/2011 08:40 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 7  
     
  ข้อสอบวิชาหลักสอบสิบห้าข้อ ถามจริงๆเถอะ มันวัดอะไรได้ เด็กที่ร.ร. อ่านหนังไม่ออกเลยได้คะแนนสูงที่สุดในหลายสาระ แต่เด็กเรียนเก่งสอบเข้าร.ร. ดังในอุบลได้กลับสอบไม่ผ่าน บางสาระได้คะแนนต่ำสุด ๆ และอีกหลายที่ครูผู้สอนกลัวโดนผู้บริหารด่าก็บอกข้อสอบเด็ก เพราะถ้าได้คะแนนน้อยหมายถึงครูผู้สอนไม่มีคุณภาพ จริงๆ แล้วมีปัจจัยหลายอย่างในการทำข้อสอบ จึงอยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนหาแนวทางในการพัฒนาระบบการสอบ การเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไป เชื่อว่าน่าจะสามารถแก้ปัญหาได้มากขึ้น  
     
    By: แลกเปลี่ยนเรียนรู้      (110.49.235.*) 29/04/2011 10:27 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 8  
     
  ระบบการศึกษาไทย ก้าวไกล เพราะ o-net  
     
    By: เหนื่อย      (203.172.199.*/10.250.168.22) 30/04/2011 10:56 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 9  
     
  ขออนุญาตสรุปในช่วงนี้
ส่วนมากมองไปที่ข้อสอบ ที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะวัดได้ไม่ตรง เด็กที่เรียนเก่งในห้องได้คะแนนน้อย แต่เด็กที่เรียนอ่อนได้คะแนนมาก จนบางแห่งได้คะแนนเต็ม 100 ก็มี ซึ่งส่งผลกระทบต่อครูผู้สอนที่จะอธิบายบอกผู้ปกครอง
ขอขอบคุณในทุกความเห็น หวังว่าจะทำให้ สทศ. สพฐ. หันมามองความจริงที่เกิดขึ้น
 
     
    By: คนโนเนม      (113.53.214.*) 30/04/2011 09:02 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 10  
     
  นดยบายการจัดการศึกษาในปัจจุบันและก็เป็นมานานแล้วคือทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจะมองไปข้างหน้าอย่างเดียวเอาแนวคิดของชนชาติอื่นเป็นตัวตั้งโดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของวิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่ซึ่งแต่ละชนชาติจะแตกต่างกันจึงเกิดปัญหา ดูเหมือนจะเปลี่ยนคนไทยให้เป็นฝรั่งหรือชนชาติอื่นที่นักวิชาการหัวนอกไปหลงชื่นชม การจ้ดการศึกษาของเราคงจะอยู่
ในวังวนนี้โทษกันไปมาหาทางออกไม่ได้
 
     
    By: ช่วยคิด      (49.230.159.*) 1/05/2011 05:29 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 11  
     
  คนที่จะต้องพิจารณาคนแรกคือผู้ที่ออกข้อสอบ ว่าเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการออกข้อสอบเด็กเก่งได้ศูนย์ แล้วมาโยนความรับผิดชอบให้ครูผู้สอน ผู้บริหาร  
     
    By: ครู      (61.19.66.*) 2/05/2011 09:40 AM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 12  
     
  สทศ.มีหน้าที่ออกข้อสอบมาให้นักเรียนสอบ แต่ สทศ.ไม่ได้ก้มมองตัวเองเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผู้บริหารระดับสูงก็ให้ความสำคัญกับหน่วยงานที่ว่านี้โดยไม่มีการคิด วิเคราะห์ หาปัญหาที่เกิดขึ้น หาแนวทางแก้ไข หรือรูปแบบที่จะให้โรงเรียนและ สทศ.เดินไปด้วยกันได้ นั่นคือ ทำความเข้าใจ บอกใบ้แนวทาง สร้างเส้นให้เดิน และประเมินร่วมกัน มีไหมที่ สทศ.เชิญครูไปร่วมวิเคราะห์ข้อสอบหรือออกข้อสอบ ทีครูออกข้อสอบเพื่อสอบเด็ก ต้องวิเคราะห์หาความยากง่าย ยากเกินไปข้อสอบก็ใช้ไม่ได้ ง่ายเกินไปก็ใช้ไม่ได้ ตำรามันมีทำไม สทศ.ไม่นำไปใช้ ปล่อยให้ผู้บริหารระดับสูง โดยเฉพาะรัฐมนตรีนี่แหละตัวดีนัก ด่าครูอยู่ได้ ฮ่วย.  
     
    By: ร่วมคิดด้วยคน      (125.26.74.*) 2/05/2011 05:28 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 13  
     
  ภาษางานวิจัยเขายังบอกว่าไม่มีศูนย์แท้ไง..คุณครู  
     
    By: ครูต้วย      (125.26.76.*) 4/05/2011 02:38 PM
 

 
  ความคิดเห็นที่: 14  
     
  ไหน...ไหน...ผู้บริหารโรงเรียนและครูจะเป็นคนรับผิดชอบอยู่แล้ว แนวทางแก้ไขขอเสนอให้แก้ที่โรงเรียนผู้บริหารกับครูผู้สอนควรหันหน้าเข้าคุยกัน โดยเน้นที่การสอนของครู

สภาพจริงคือ บางโรงเรียนครูไม่เต็มที่กับการสอนนักเรียน ให้นักเรียนทำอย่างอืนมากกว่า แลครูใช้เวลาทำอย่างอื่นมากกว่าการสอน

ถ้าผู้บริหารกล้าบอก กล้ากำชับ.....กล้าติดตาม...
ครูผู้สอนยอมรับและไม่เก่งกว่าผู้บริหาร การศึกษาไทยไปได้สวย แล้วอะไรก็จะได้ดังใจปรารถนา....
 
     
    By: ครูคนหนึ่ง      (223.204.48.*) 5/05/2011 04:49 AM
 


     
 
       
ชื่อ ::
  *
  รหัส ::   (เฉพาะสมาชิก)
 
อีเมล์ ::
  (สมาชิกไม่ต้องกรอก)
     
Insert Bold text Insert Italicized text Insert Underlined text Insert Centered text Insert a Hyperlink Insert Email Hyerplink Insert an Image Insert Code Formatted text Insert Quoted text
 
รายละเอียด ::
  *
  ใส่รูปแสดงอาการ ::   Confused Idea Smile Wink Coool Love It Cry Devil Kiss Yum Big Grin Smiley Razz Brow
Blue Smile Ek Frusty Eek Weird Look Bawling Angry Fire Red Face Eplus Uh Oh Crying Sinister Tongue Roll Eyes
 
รูปประกอบ ::
  ไม่เกิน 50 Kb
       
     
 
     
 
 Search Word:
Support by http://www.sisaketedu1.go.th
This programe support PHP 4, MySQL Developer by NOKESTUDIO In Thailand
NINEBOARD Vol 3.0 Copyright © 2001-2002 NINETO SOLUTION All Rights Reserved.