|
ความคิดเห็นที่: 3 |
|
|
|
|
|
ตังเลขที่ได้.....ผมว่า ควรนำมาแค่ใช้เพื่อการวิพากษ์เพื่อปรับปรุงและพัฒนาเท่านั้นครับ... ไม่ใช่นำมากร้นเพื่อด่าหาคนที่รับผิดชอบ เพราะสุดท้านก็มาลงที่ ครูผู้สอน (ผอ.ด่าอีก)
มันวัดอะไรได้ไม่มากหรอก ตัวอย่างเช่นถ้าตัวเลขสถิติมันวัดได้จริง ข่าว นศ.แพทย์ฆ่าหั่นศพ, นศ.เกียรตินิยมอกหักโดดตึกตาย, นศ.สถาบันดังขายตัว,นศ.มหาวิทยาลัยดังค้ายาบ้า อะไรๆแบบนี้คงไม่มี ตัวเลขมันมีกรอบของมันชั่วขณะเท่านั้น และที่สำคัญหลักสถิติบอกว่ามันมีตัวแปรอื่นๆด้วย ดังนั้นผมคิดว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องควรหันมามองใหม่ ไม่ควรเอาอนาคตฝากไว้ที่ตัวเลขนั้น แต่ให้หันมามองดูว่า
1)จำนวนครูเพียงพอหรือไม่
2)ผู้ประกอบวิชาชีพครูมีขวัญและกำลังใจมาน้อยเพียงใด
3)นโยบายที่ให้มานั้นสลับซับซ้อน ซ้ำซาก มั่วซั่ว หรือยากแก่การปฏิบัติหรือไม่(ผมใส่อารมณ์บ้างครับ 55)
5)ภาระงานของครูมากเกินกว่าการสอนหรือเปล่า
6) รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงมีประสบการณ์การทำงานด้านการศึกษามากน้อยเพียงใด (ต่างประเทศที่การศึกษามาตรฐาน 1 ใน 10 เช่น สิงคโปร์ ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น แม้กระทั่งวียดนามผู้ที่จะมาเป็น รมต.ด้านการศึกษา เขาจะมีประสบการณ์ด้านการสอนจากมหาวิทยาลัยมาก่อน ที่สำคัญเป็นครูสอนอนุบาลเสียด้วยเพราะต่างประเทศถือว่าผุ้ที่เก่งคือผู้ที่สอนในระดับปฐมวัยได้...ครับ)
นี่คือสิ่งที่ผมคิดว่า ประเทศไทยควรหันมามองครับ ...สุดท้ายการศึกษาไทยก็ดูเหมือก้าวไป3 ก้าวแต่เราถอยหลัง 2 ก้าว....ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป อีก 20 ปีประเทศที่เราจะแข่งขันกับเขาคือ 1) กัมพูชา 2) ประเทศลาว มาเลย์ อินด๊ เวียดนาม พม่าไม่ต้องแข่งเพราะแผนพัฒนาประเทศเขามีเทคโนโลยีนิวเคลียส์แล้วครับ
|
|
|
|
|
|
By: ดุษฎีเถื่อน (118.175.130.*) 29/04/2011 03:39 PM |
|