เดิมเราก็อยู่กระทรวงธรรมการ แล้วมาเป็นศึกษาธิการ 14 กรม (หรือเรียก ประชดกันว่า14 องค์ชาย) ก็บอกว่ามันมากไป เยิ่นเย้อ ล่าช้า
ก็จึงถึงเวลา แปลงร่าง เหลือ แค่ 4 หรือ 5 แท่งนี่แหละ( ขี้เกียจ จำ) มี สพฐ และอะไรอีก จำไม่ได้
โดยเฉพาะด้านการศึกษา มีการปฏิรูป
มาโดยตลอด จนเวลามากกว่า 10 ปี นับได้ว่าถือเป็น ประวัติศาสตร์ได้ ตอนนี้ก็กำลังคั่วกันอยู่ที่ ปฏิรูปการศึกษารอบ 2 หุหุ
และควบคู่ตามมาติด ๆ กับการประเมินของ
สมศ รอบ 3 (อีกแล้ว ครับท่าน)
เคยสังเกตหรือไม่ แต่เดิมสอนแค่เลข คัด เลิก ยังพอมีคนดี เป็นครู เป็นชาวนา เป็นข้าราชการ ดีดี พอให้เห็นอยู่บ้าง
ปฏิรูปกันเข้าไป
ไฮเทคกันเข้าไป แข่งบันกันเข้าไป
ประกวดประขันกันเข้าไป รับเหรียญ รับใบประกาศ กันสารพัด
ตอนนี้เป็งอย่างไร
เด็กพิเศษเต็มบ้านเต็มเมือง
เด็กไทยอ่านเขียนภาษาไทยไม่ออกกันมากมาย ผลสอบออกมา O-net NT สอบตก กันระเนระนาด
พัฒนาครูก็พัฒนานากันยกใหญ่ อบรมกันเป็นล่ำเป็นสัน (อบรมทั้งปิดเทอม ทั้งตอนเปิดเทอม) ไม่มีวันหยุดหายใจ
ทำผลงานวิชาการกันเป็นล่ำเป็นสัน ทั้งคนทำ ทั้งคนอ่าน ทั้งคนตรวจ รวยกันทั่วหน้า จากรากหญ้าจนถึงปลายฟ้า จนเด็กนักเรียนของเราสูงเสียดฟ้า แต่ต่ำกว่าหญ้านิ้ดเดียว (ก็มันยังอ่านไม่ออก)
พอกันทีเถอะ
ผลงานวิชาการ วิชาเกิน วิชามาร
กับเกณฑ์ประเมินของเทวดา ต่าง ๆ (ที่หลับหูหลับตานั่งฝัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ตื่นกันเสียที กับการตำน้ำพริกละลายมหาสมุทร)
คุณมาทำการพัฒนากันจริง ๆ
ทำงานกันจริง ๆ
ช่วยกันจริง ๆ เป็นไหม
ช่วยกันทั้งหมด ( ได้แก่ ทั้งผู้บริหารโรงเรียน ทั้งครู ทั้งนักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน)
สอนให้นักเรียนอ่านออก เขียนได้ จนคล่อง คิดเลขเป็น ถูกต้อง ทำงานเป็น เป็นคนดีของตนเอง ของสังคม
ทำแค่นี้ให้ได้ ไม่ต้องไปอบรมอะไรให้มากมาย ไม่ต้องมัวปฏิรูป ปฏิแล่บ
ยุบสมศ ไม่ต้องมาประเมิน ให้ยุบทิ้งทั้งระบบ โดยออก พรบ.ยกเลิก สมศ
แล้วให้ ผู้ปกครองครู และชุมชนเป็นผู้ประเมินแทน ( ทั้งนี้ บรรดาเงินค่าใช้จ่ายที่รัฐเคยจายให้ บรรดาบริษัทและ เจ้าหน้าที่ที่มาประเมินภายนอก ให้ตกเป็น ของโรงเรียนและผู้ปกครองนักเรียนเพื่อใช้ในการ ประเมินผลการจัดการศึกษา ไม่ต้องให้โรงเรียนต้องเดือดร้อนจัดทำผ้าป่ากันทุกปี ตลอดไป)
พูดตรง ๆ เสียดายงบประมาณการศึกษา ปีละ สามแสนล้านจริง ๆ ทั้งอุดมศึกษา กศ พื้นฐาน และต่าง ๆ สาระพัด
เป็นการจัดการศึกการศึกษาที่สูญเปล่า จริง ๆ นะจะบอกไห่ |