ค ว า ม จ ริ ง ก่ อ ค ว า ม คิ ด
ค ว า ม คิ ด บั น ด า ล ว า ท ะ
ว า ท ะ ช ว น คิ ด ต า ม จริ ง
ธรรมชาติมักหาเรื่องหลอกล่อให้มนุษย์ใช้ความฉลาดไปในทางโง่เสมอ ยิ่งฉลาดมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำเรื่องโง่ได้รุนแรงขึ้นเท่านั้น สำรวจดูเถอะ ความเดือดร้อนนานัปการทุกวันนี้เริ่มต้นจากการใช้ความฉลาดของมนุษย์แทบทั้งสิ้น
􀁹 มนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐที่มีเหตุผล เพราะเหตุผลทำให้มนุษย์คิดในทางประเสริฐได้มากกว่าสัตว์โลกทุกชนิด แต่หลายครั้งเหตุผลก็ทำให้มนุษย์เลวทรามได้โดยปราศจากความสำนึกผิด เพราะฉลาดอธิบายไปต่าง ๆ นานาว่าที่ก่อเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ มีเหตุผลอันควรอย่างไร
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองฉลาด บอกได้ไหมว่าฉลาดไปเพื่ออะไร? หากเป็นไปเพื่อทำ ความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น อันจะสะท้อนกลับมาเป็นความเดือดร้อนต่อตัวคุณเอง
ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เช่นนี้อาจแปลว่ามันสมองของคุณฉลาดเฉลียว แต่จิต วิญญาณของคุณโง่งม อาจโง่กว่าหลายคนที่คุณไปดูถูกเขาเสียด้วยซ้ำ
สรุปให้ง่ายที่สุด คุณจะฉลาดกี่เรื่องก็ตาม ถ้าโง่เรื่องกรรมเรื่องเดียว ก็แปลว่าคุณเอา ตัวรอดไม่ได้ และเมื่อคุณเอาตัวรอดไม่ได้ ก็แปลว่าคุณเป็นคนโง่ได้มากที่สุดคนหนึ่ง!
การทำผิดเป็นเรื่องของทุกคน แต่การสำนึกผิดเป็นเรื่องของบางคนที่จะได้ดีกว่าเคย
􀁹
คนเราจะเคยผิดเคยพลาดขนาดไหน ขอเพียงมีความสามารถที่จะสำนึกเสียอย่างเดียว ก็แปลว่ายังไม่ใช่คนชั่วช้าโดยกมลสันดาน ยังมีความเป็นมนุษย์ ยังมีความเป็นปุถุชนที่มีสิทธิ์เรียนรู้จากความผิดพลาดได้ กลับตัวกลับใจทำประโยชน์ให้ใครต่อใครใหม่ได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่ากรรมที่ทำบนพื้นฐานของความไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง อย่างใดอย่างหนึ่ง ส่งให้ได้เป็นมนุษย์
กรรมที่ทำด้วยความไม่โลภก็คือสละออก หรือให้ทาน กรรมที่ทำด้วยความไม่โกรธ ก็คือใจดีมีเมตตา หรืออภัยได้ กรรมที่ทำด้วยความไม่หลงก็คือการไม่เห็นผิดเป็น ชอบ หรือไม่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว โดยย่อคือมีใจประเภทที่รักบุญรักกุศล ละอาย ต่อบาปผิดทั้งปวง
สังสารวัฏ คือภพภูมิต่าง ๆ ที่เราเวียนเกิดเวียนตายกันตามพฤติกรรมของจิต เมื่อใดจิตยึดความดีเป็นที่ตั้ง ก็ได้ชื่อว่าสร้างภพแห่งความเจริญรุ่งเรืองไว้เป็นที่ไป เมื่อใดจิตยึดความชั่วเป็นที่ตั้ง ก็ได้ชื่อว่าสร้างภพแห่งความเสื่อมทรามไว้เป็นที่หมาย แต่ละครั้งของการเปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิจะมีกรรมอันเป็นตัวแปรมากมาย ซัดเราไปในทิศต่าง ๆ สูงบ้าง ต่ำบ้าง กลางบ้าง และจะไม่ยุติลงด้วยความบังเอิญขึ้นฝั่งเองเลย
􀁹
จิตคนเรากลับไปกลับมาอยู่แค่สองภาวะ คือโง่กับฉลาด เมื่อใดยึดมั่นในสิ่งที่ล่วงเลยไปแล้ว เมื่อนั้นคือโง่เขลา ลุ่มหลงไม่ยอมรับตามจริง แต่เมื่อใดปล่อยวางสิ่งที่แปรปรวนไปแล้วเสียได้ เมื่อนั้นคือฉลาดรู้เท่าทัน ค่อยสมภูมิปัญญาแบบมนุษย์หน่อย
􀁹
กรรมเก่าเป็นฐาน เป็นแนวโน้ม และเป็นที่ตั้งของความรู้สึกสุขทุกข์จากเครื่องกระทบทั้งหลายว่ามีขอบเขตประมาณนั้น ส่วนกรรมใหม่เป็นตัวรักษา เป็นจุดเปลี่ยน หรือเป็นแรงขับดันให้ฐานเดิมงอกเงยต่อยอดหรือพังพินาศล่มสลายลง
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ดังตฤณ |